สปสช.ปลื้ม 10 ปีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ช่วยคนไทยมีสุขภาวะดีขึ้น อายุขัยเพิ่มขึ้น โวอัตราตายก่อนวัยและการตายจากโรคต่างๆ ลดลง
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งในขณะนี้อยู่ในช่วงครบ 10 ปี และกำลังจะก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สองของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น หน่วยงานทางวิชาการ ทั้งจากกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสถิติแห่งชาติ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และ สำนักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้รายงานอัตราการเกิดและเสียชีวิตของประชาชนไทย พบว่า คนไทยมีอายุขัยเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงประสิทธิผลของนโยบายด้านสาธารณสุขของไทยที่ให้ความสำคัญกับงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จากการลดการตายก่อนวัยอันควร การที่ประชาชนไทยทุกคน ได้รับการคุ้มครองโดยมีระบบหลักประกันสุขภาพนั้น เป็นสิ่งเชื่อมั่นได้ว่า เมื่อยามปกติจะได้รับการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค และเมื่อเจ็บป่วยจะได้รับบริการรักษาพยาบาลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นพ.วินัย กล่าวต่อว่า จากรายงานของหลายหน่วยงาน พบว่า อัตราการตายของทารกเมื่อแรกคลอดลดลง โดยในปี 2533 อัตราการตายของทารกต่อการเกิดมีชีวิต 1,000 คน คือ 38.8 คน และลดลงเรื่อยๆ ในปี 2534 เป็น 34.5 ปี 2538 เป็น 26.1 และปี 2548 เป็น 11.3 ขณะที่อัตราการตายของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ก็ลดลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากปี 2545 อัตราการตายของเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี อยู่ในอัตรา 11.7 ต่อการเกิดมีชีวิตต่อ 1,000 คน ลดลงเป็น 9.5 ต่อการเกิดมีชีวิต 1,000 คน ในปี 2552 อัตราการตายของมารดาต่อการเกิดมีชีวิตก็ลดลง จากปี 2545 ที่อยู่ในอัตรา 14.7 ต่อการเกิดมีชีวิต 1,000 คน ลดลงเป็น 10.7 ต่อการเกิดมีชีวิต 1,000 คน ขณะที่อัตราการตายของประชากรไทยวัยแรงงาน จาก 4.1 ต่อประชากร 1,000 คนในปี 2541 เป็น 3.2 ต่อประชากร 1,000 คน ในปี 2551 และอัตราการตายด้วยสาเหตุสำคัญของคนไทยปี 2530-2552 พบว่า โรคหัวใจ มาลาเรีย วัณโรค อุจจาระร่วง และเอดส์ลดลงอย่างมาก ขณะที่อัตราการตายจากอุบัติเหตุมีแนวโน้มลดลง
เลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า แม้ตัวชี้วัดด้านสุขภาพและการเจ็บป่วยจากโรคที่ป้องกันได้จะดีขึ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหาสาธารณสุขที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปยังเป็นปัญหาท้าทายระบบสาธารณสุขของประเทศไทยที่ สปสช.จะต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งในขณะนี้อยู่ในช่วงครบ 10 ปี และกำลังจะก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สองของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น หน่วยงานทางวิชาการ ทั้งจากกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสถิติแห่งชาติ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และ สำนักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้รายงานอัตราการเกิดและเสียชีวิตของประชาชนไทย พบว่า คนไทยมีอายุขัยเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงประสิทธิผลของนโยบายด้านสาธารณสุขของไทยที่ให้ความสำคัญกับงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จากการลดการตายก่อนวัยอันควร การที่ประชาชนไทยทุกคน ได้รับการคุ้มครองโดยมีระบบหลักประกันสุขภาพนั้น เป็นสิ่งเชื่อมั่นได้ว่า เมื่อยามปกติจะได้รับการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค และเมื่อเจ็บป่วยจะได้รับบริการรักษาพยาบาลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นพ.วินัย กล่าวต่อว่า จากรายงานของหลายหน่วยงาน พบว่า อัตราการตายของทารกเมื่อแรกคลอดลดลง โดยในปี 2533 อัตราการตายของทารกต่อการเกิดมีชีวิต 1,000 คน คือ 38.8 คน และลดลงเรื่อยๆ ในปี 2534 เป็น 34.5 ปี 2538 เป็น 26.1 และปี 2548 เป็น 11.3 ขณะที่อัตราการตายของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ก็ลดลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากปี 2545 อัตราการตายของเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี อยู่ในอัตรา 11.7 ต่อการเกิดมีชีวิตต่อ 1,000 คน ลดลงเป็น 9.5 ต่อการเกิดมีชีวิต 1,000 คน ในปี 2552 อัตราการตายของมารดาต่อการเกิดมีชีวิตก็ลดลง จากปี 2545 ที่อยู่ในอัตรา 14.7 ต่อการเกิดมีชีวิต 1,000 คน ลดลงเป็น 10.7 ต่อการเกิดมีชีวิต 1,000 คน ขณะที่อัตราการตายของประชากรไทยวัยแรงงาน จาก 4.1 ต่อประชากร 1,000 คนในปี 2541 เป็น 3.2 ต่อประชากร 1,000 คน ในปี 2551 และอัตราการตายด้วยสาเหตุสำคัญของคนไทยปี 2530-2552 พบว่า โรคหัวใจ มาลาเรีย วัณโรค อุจจาระร่วง และเอดส์ลดลงอย่างมาก ขณะที่อัตราการตายจากอุบัติเหตุมีแนวโน้มลดลง
เลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า แม้ตัวชี้วัดด้านสุขภาพและการเจ็บป่วยจากโรคที่ป้องกันได้จะดีขึ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหาสาธารณสุขที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปยังเป็นปัญหาท้าทายระบบสาธารณสุขของประเทศไทยที่ สปสช.จะต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น