กทม.เมินคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ตัดสินให้จ่ายเงินชดเชยเหยื่อซานติก้าผับ บอกขอปรึกษาอัยการก่อน หากอัยการเห็นด้วยก็ยินดีจ่ายผู้ฟ้องร้องทันที ด้าน “มาลินี” เผย ต้องรอผู้ว่าฯ กทม.กลับจากตะลอนทัวร์ต่างประเทศก่อน จึงจะปรึกษาว่าจะจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มหรือไม่ ลั่นจบโดยไม่อุทธรณ์ไม่ได้
นายสมภาคย์ สุขอนันต์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและคดี สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังจากศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ กทม.จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีกรณีไฟไหม้สถานบันเทิงซานติก้าผับ รวม 5 คดี เป็นจำนวนเงินรวม 795,600 บาท ว่า ขณะนี้ให้เจ้าหน้าที่ไปคัดลอกสำนวนในคำพิพากษาในวันนี้ เพื่อนำมาพิจารณาว่า เหตุผลและข้อมูลในการพิพากษาวันนี้ มีความถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงต้องขอความเห็นจากอัยการ ของสํานักงานอัยการสูงสุด โดยคาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะหารือกับอัยการเพื่อสอบถามความคิดเห็น ทั้งนี้ ในส่วน กทม.ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า จะจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ฟ้องร้องได้ภายใน 30 วัน ตามที่ศาลปกครองกลางระบุหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กทม.จะยึดเอาคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเป็นหลัก แต่กรณีนี้หากข้อมูลของศาลปกคลองกลาง และอัยการเห็นด้วย กทม.ยินดี และพร้อมในการชดเชยเงินให้กับผู้ฟ้องร้องทันที
ด้าน พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เรื่องนี้ กทม.คงต้องยึดตามหลักกฎหมายเป็นหลัก ส่วนเรื่องของการเยียวยานั้น กทม.ได้ให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว ส่วนจะมีการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ต้องรอให้ผู้ว่าฯ กทม.กลับมาจากราชการต่างประเทศก่อน
พญ.มาลินี กล่าวว่า ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์ และจ่ายเงินให้แก่ผู้ฟ้องร้องเลยหรือไม่ เรื่องนี้เป็นคดีความไปแล้วต้องปล่อยให้เป็นขบวนการทางกฎหมาย หากจะยอมจ่ายเงินเลยก็จะมีหน่วยงานของราชการเข้ามาตรวจสอบอยู่ดีทั้งนี้ต้องดูเอกสารหลักฐานในการตัดสินประกอบ
“เราไม่อาจจบโดยการไม่อุทธรณ์ได้ เพราะจะเป็นการจบแบบไม่จบ เพราะหากทำไปก็จะมีคนตรวจสอบอยู่ดี ทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” พญ.มาลินี กล่าว
นายสมภาคย์ สุขอนันต์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและคดี สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังจากศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ กทม.จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีกรณีไฟไหม้สถานบันเทิงซานติก้าผับ รวม 5 คดี เป็นจำนวนเงินรวม 795,600 บาท ว่า ขณะนี้ให้เจ้าหน้าที่ไปคัดลอกสำนวนในคำพิพากษาในวันนี้ เพื่อนำมาพิจารณาว่า เหตุผลและข้อมูลในการพิพากษาวันนี้ มีความถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงต้องขอความเห็นจากอัยการ ของสํานักงานอัยการสูงสุด โดยคาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะหารือกับอัยการเพื่อสอบถามความคิดเห็น ทั้งนี้ ในส่วน กทม.ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า จะจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ฟ้องร้องได้ภายใน 30 วัน ตามที่ศาลปกครองกลางระบุหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กทม.จะยึดเอาคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเป็นหลัก แต่กรณีนี้หากข้อมูลของศาลปกคลองกลาง และอัยการเห็นด้วย กทม.ยินดี และพร้อมในการชดเชยเงินให้กับผู้ฟ้องร้องทันที
ด้าน พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เรื่องนี้ กทม.คงต้องยึดตามหลักกฎหมายเป็นหลัก ส่วนเรื่องของการเยียวยานั้น กทม.ได้ให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว ส่วนจะมีการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ต้องรอให้ผู้ว่าฯ กทม.กลับมาจากราชการต่างประเทศก่อน
พญ.มาลินี กล่าวว่า ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์ และจ่ายเงินให้แก่ผู้ฟ้องร้องเลยหรือไม่ เรื่องนี้เป็นคดีความไปแล้วต้องปล่อยให้เป็นขบวนการทางกฎหมาย หากจะยอมจ่ายเงินเลยก็จะมีหน่วยงานของราชการเข้ามาตรวจสอบอยู่ดีทั้งนี้ต้องดูเอกสารหลักฐานในการตัดสินประกอบ
“เราไม่อาจจบโดยการไม่อุทธรณ์ได้ เพราะจะเป็นการจบแบบไม่จบ เพราะหากทำไปก็จะมีคนตรวจสอบอยู่ดี ทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” พญ.มาลินี กล่าว