xs
xsm
sm
md
lg

ชู รพ.สุรินทร์ ตัวอย่างกระจายผู้ป่วยเรื้อรังรักษา รพ.สต.ได้มีประสิทธิภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชู รพ.สุรินทร์ เป็นอีกตัวอย่างการลดความแออัด สามารถกระจายผู้ป่วยโรคเรื้อรังไปดูแลต่อใน รพ.สต.ใกล้บ้านอย่างมีประสิทธิภาพ

นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงพยาบาลสุรินทร์ ว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการในครั้งนี้ ได้พบความสำเร็จในการดำเนินงานของโรงพยาบาลสุรินทร์ในหลายเรื่องที่สามารถนำมาเป็นแบบอย่างให้กับโรงพยาบาลอื่นๆ ในสังกัดได้ อาทิ โครงการลดความแออัดของโรงพยาบาลสุรินทร์ ที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการบริการผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า ในการดำเนินการผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จะมีการกำหนดแยกกลุ่มผู้ป่วยดูแล กลุ่มที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจะอบรมเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยทั้งที่โรงพยาบาลสุรินทร์, ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง (ศสม.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต.มีการปรับบัญชียาให้เหมือนกันทุกแห่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับโรงพยาบาลสุรินทร์ และให้ผู้ป่วยที่เคยใช้บริการที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และสมัครใจไปใช้บริการที่ ศสม.3 แห่ง หรือ รพ.สต.อีก 29 แห่ง ที่ผู้ป่วยสะดวกและอยู่ใกล้ที่สุด โดยทีมแพทย์และคลินิกโรคเรื้อรัง จาก รพ.สุรินทร์ จะออกไปตรวจและติดตามผลการรักษาผู้ป่วยทุกคน แบบ (One stop service) จุดเดียวเบ็ดเสร็จ อย่างน้อย ปีละ 2 ครั้ง โดยมีการติดตามผลการตรวจเลือด ทั้งระดับน้ำตาล ระดับไขมันในเลือดดูการทำงานของไต และตับ และตรวจตา ตรวจเท้า ดูปัญหาแทรกซ้อน รวมทั้งตรวจสุขภาพช่องปากผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลสุรินทร์เหมือนที่ผ่านมา จากผลการดำเนินงาน โรงพยาบาลสุรินทร์ มีจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานที่อยู่ในการดูแลรักษา 7,784 คน ปี พ.ศ.2554 สามารถกระจายผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไปรับยาใน รพ.สต.ทั้งหมด 2,052 คน คิดเป็นร้อยละ 29 ในปีนี้ได้ส่งผู้ป่วยเบาหวาน-ความดันโลหิตสูงไปรับยาใน รพ.สต.เพิ่ม 1,349 คน รวม 2 ปี สามารถกระจายผู้ป่วยไปได้ทั้งหมด 3,401 คน คิดเป็นร้อยละ 44 ของผู้ที่ขึ้นทะเบียนรักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์

นพ.ธงชัย ตรีวิบูลย์วณิชย์ ผู้อำนวยการ รพ.สุรินทร์ กล่าวว่า จากการประเมินผลความพึงพอใจของผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ไปใช้บริการที่ ศสม.และ รพ.สต.ในช่วง 2 ปีแรก พบว่า ผู้ป่วยมีความพึงพอใจบริการสูงถึงร้อยละ 86 เนื่องจากสะดวกเป็นการบริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ ไม่เสียเวลารอนาน ประหยัดเงินค่ารถค่าอาหารลงได้มาก ซึ่งต่อรายต้องเสียครั้งละ 200-300 บาท และหากมีญาติพาไปส่งด้วยค่าใช้จ่ายจะสูงอีกเท่าตัวประการสำคัญสามารถควบคุมอาการของผู้ป่วยไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ทันการในปี 2555 โรงพยาบาลสุรินทร์จะขยายโครงการให้มากขึ้น และจะเพิ่มการตรวจคัดกรองประชาชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อยู่ในเขตรับผิดชอบ อาทิ ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปให้ได้ไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 97 รวมทั้งเด็กอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่อ้วน หรือผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน ครอบคลุมให้ได้ร้อยละ 80 ของผู้ที่มีความเสี่ยงและอยู่ในพื้นที่เขตเมืองรวมทั้งเข้าไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดโรคลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น