สธ.เผย 2 วันสงกรานต์ เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงเกือบ 5,500 เหตุ วอน ปชช.แจ้งเหตุผ่านทางสายด่วน 1669 ให้มากขึ้น พบจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ร้อยละ 84 สาเหตุหลักมาจากการเมาสุรา ขณะที่ถนนหลัก 4 สาย พบลอบขายเหล้า 188 ราย ดำเนินคดีแล้ว 30 ราย
วันนี้ (13 เม.ย.) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวว่า การรณรงค์สงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์ในวันที่ 2 สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุยังคงเป็นการเมาสุรา ร้อยละ 39 รองลงมาคือ การขับรถเร็วร้อยละ 21 พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ การโดยสารรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัยร้อยละ 31 และ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยร้อยละ 3
สำหรับยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จักรยานยนต์ ร้อยละ 84 รองลงมา คือ รถปิคอัพ ร้อยละ 7 มีการเรียกตรวจยานพาหนะทั้งสิ้น 686,758 คัน เพิ่มขึ้นจากวันที่ผ่านมา 169,118 คัน และมีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 74,538 ราย เพิ่มขึ้น 18,425 ราย มีการดำเนินคดีในข้อหาขับรถย้อนศรเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ร้อยละ 32 ข้อหาขับรถเร็วเพิ่มขึ้น ร้อยละ 25 และเมาสุราเพิ่มขึ้น ร้อยละ 24 ตามลำดับ
นายวิทยากล่าวว่า ได้ประสานงานและกำชับทุกจังหวัดให้เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปี 51 อย่างเคร่งครัด ให้ควบคุม เฝ้าระวังการเล่นสาดน้ำบนท้ายรถกระบะที่บรรทุกถังน้ำและมีผู้โดยสารเล่นสาดน้ำ
ด้าน นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า ตลอด 2 วันเทศกาลสงกรานต์ กระทรวงสาธารณสุขได้รับแจ้งมีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน จากสายด่วนแพทย์ฉุกเฉิน 1669 จำนวน 5,494 เหตุ โดยในวันที่ 11 เม.ย. มี 2,625 ราย วันที่ 12 เม.ย. มี 3,104 ราย ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนแจ้งเหตุเข้ามาทางสายด่วน 1669 ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นบริการฟรี 24 ชั่วโมง
ขณะที่ นพ.พรเทพ ระบุว่า ผลการตรวจบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ในช่วงวันที่ 11-12 เม.ย.ที่ผ่านมา ในถนน 4 สาย รวมทั้งหมด 188 ราย พบผู้กระทำความผิด ดำเนินคดีแล้ว 30 ราย โดยพบขายตามปั๊มน้ำมัน ร้านขายยา หอพัก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าทั่วไป และสถานบันเทิง โดยโทษของการขายในปั๊มน้ำมัน จำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษขายเหล้าในเวลาห้ามขาย (ขายได้ในเวลา 11.00-14.00 น. และเวลา 22.00-24.00 น.) จำคุก 2 ปี ปรับ 4 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันนี้ (13 เม.ย.) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวว่า การรณรงค์สงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์ในวันที่ 2 สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุยังคงเป็นการเมาสุรา ร้อยละ 39 รองลงมาคือ การขับรถเร็วร้อยละ 21 พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ การโดยสารรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัยร้อยละ 31 และ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยร้อยละ 3
สำหรับยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จักรยานยนต์ ร้อยละ 84 รองลงมา คือ รถปิคอัพ ร้อยละ 7 มีการเรียกตรวจยานพาหนะทั้งสิ้น 686,758 คัน เพิ่มขึ้นจากวันที่ผ่านมา 169,118 คัน และมีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 74,538 ราย เพิ่มขึ้น 18,425 ราย มีการดำเนินคดีในข้อหาขับรถย้อนศรเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ร้อยละ 32 ข้อหาขับรถเร็วเพิ่มขึ้น ร้อยละ 25 และเมาสุราเพิ่มขึ้น ร้อยละ 24 ตามลำดับ
นายวิทยากล่าวว่า ได้ประสานงานและกำชับทุกจังหวัดให้เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปี 51 อย่างเคร่งครัด ให้ควบคุม เฝ้าระวังการเล่นสาดน้ำบนท้ายรถกระบะที่บรรทุกถังน้ำและมีผู้โดยสารเล่นสาดน้ำ
ด้าน นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า ตลอด 2 วันเทศกาลสงกรานต์ กระทรวงสาธารณสุขได้รับแจ้งมีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน จากสายด่วนแพทย์ฉุกเฉิน 1669 จำนวน 5,494 เหตุ โดยในวันที่ 11 เม.ย. มี 2,625 ราย วันที่ 12 เม.ย. มี 3,104 ราย ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนแจ้งเหตุเข้ามาทางสายด่วน 1669 ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นบริการฟรี 24 ชั่วโมง
ขณะที่ นพ.พรเทพ ระบุว่า ผลการตรวจบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ในช่วงวันที่ 11-12 เม.ย.ที่ผ่านมา ในถนน 4 สาย รวมทั้งหมด 188 ราย พบผู้กระทำความผิด ดำเนินคดีแล้ว 30 ราย โดยพบขายตามปั๊มน้ำมัน ร้านขายยา หอพัก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าทั่วไป และสถานบันเทิง โดยโทษของการขายในปั๊มน้ำมัน จำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษขายเหล้าในเวลาห้ามขาย (ขายได้ในเวลา 11.00-14.00 น. และเวลา 22.00-24.00 น.) จำคุก 2 ปี ปรับ 4 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ