นักวิชาการ จี้ “สุชาติ” เร่งเดินหน้าครูพันธุ์ใหม่ ย้ำ การผลิตครูเป็นเรื่องที่ทุกพรรคต้องดำเนินการ ห่วงนโยบายให้ประกันการทำงานเพียง 30% น้อยเกินไปและไม่ส่งผลต่อการพัฒนา แนะหากลดควรอยู่ที่สัดส่วน 50 ต่อ 50 ด้าน รมว.ศึกษาธิการ แจงไม่มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ แต่ความหมาย คือ จะให้ประกันงาน นศ. 30% ของจำนวนครูที่รับทั่วประเทศในแต่ละปี เช่น รับ 5,000 คนในจำนวนนี้ให้เป็น นศ.โครงการ 1,500 คน
ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยคณบดีวิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาพูดตลอดว่าจะสนับสนุนโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ทุกอย่างยังหยุดนิ่งไม่มีอะไรคืบหน้าเลย โดยเฉพาะการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการครูพันธุ์ใหม่ และคณะกรรมการคัดเลือกสถาบันฝ่ายผลิตและคัดเลือกนิสิตนักศึกษา ที่จะมาดำเนินการเรื่องดังกล่าวยังไม่มี ขณะที่นิสิตนักศึกษาครูก็สอบถามมาตลอดว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการนี้ต่อไปหรือไม่ ดังนั้น ตนฝาก รมว.ศึกษาธิการ ช่วยเร่งเคาะโครงการนี้ให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นเรื่องสำคัญต้องจริงจัง และเห็นผลระยะยาว นอกจากนี้ ตนขอย้ำว่า เรื่องการผลิตครูเป็นเรื่องที่ทุกพรรคจะต้องดำเนินการ เพราะเป็นโครงการที่ดีและทำมานานแล้ว แต่ถ้าไม่ทำ หรือไม่มีความชัดเจนเรื่องการผลิตครูที่จะผลต่อคุณภาพการศึกษาไทยจะทำให้ความศรัทธาต่อวงการศึกษาจะน้อยลงเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ รมว.ศึกษาธิการ มีแนวคิดที่จะประกันการมีงานทำให้กับนิสิตนักศึกษาที่เข้าโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่เพียง 30% ของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการนั้น ตนเห็นว่า 30% น้อยเกินไป และจะทำให้ไม่เห็นผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในภาพรวม เนื่องจากอาชีพครูไม่เหมือนกับอาชีพอื่นๆ ที่เงินเดือนจะสูง เช่น แพทย์ วิศวะ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา การให้ทุนและประกันการมีงานทำเป็นเครื่องพิสูจน์ และยืนยันได้ว่า ผู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้จะเป็นคนเก่ง มีคุณภาพ และที่สำคัญ เมื่อจบแล้วยังไปสอนในพื้นที่ขาดแคลนครูด้วย ดังนั้น ตนจึงเห็นว่า เรื่องการให้ทุนและประกันการมีงานทำเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ถ้าจำเป็นจะต้องลดจำนวนการประกันการมีงานทำลงจริง ควรจะอยู่ในสัดส่วน 50 ต่อ 50 น่าจะเหมาะสม
ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า การดำเนินโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ ปี 2555 ไม่ได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องการประกันการทำงานหลังเรียนจบ 30% นั้นหมายความว่า จะประกันงานให้นักศึกษาจากโครงการนี้ 30% ของจำนวนครูที่รับทั้งหมดทั่วประเทศในแต่ละปี ไม่ใช่รับนักศึกษาโครงการนี้มา 100 คน แล้วประกันงานเพียง 30 คน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รับบรรจุครูใหม่ประมาณปีละ 5,000 คน โดยจะรับจากโครงการครูพันธุ์ใหม่ 30% หรือประมาณ 1,500 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อย เพราะต้องเปิดโอกาสให้กับกลุ่มอื่นๆ ด้วย เช่น นักศึกษาจบใหม่ในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ครูเอกชนและลูกจ้างประจำที่อยากเป็นข้าราชการ ส่วนพิจารณาเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการ และคณะกรรมการคัดเลือกสถาบันฝ่ายผลิตและนักศึกษาทุนโครงการชุดใหม่ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการดำเนินโครงการในปีการศึกษา 2555 นั้น ตนกำลังพิจารณาอยู่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคิดให้รอบคอบ
ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยคณบดีวิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาพูดตลอดว่าจะสนับสนุนโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ทุกอย่างยังหยุดนิ่งไม่มีอะไรคืบหน้าเลย โดยเฉพาะการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการครูพันธุ์ใหม่ และคณะกรรมการคัดเลือกสถาบันฝ่ายผลิตและคัดเลือกนิสิตนักศึกษา ที่จะมาดำเนินการเรื่องดังกล่าวยังไม่มี ขณะที่นิสิตนักศึกษาครูก็สอบถามมาตลอดว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการนี้ต่อไปหรือไม่ ดังนั้น ตนฝาก รมว.ศึกษาธิการ ช่วยเร่งเคาะโครงการนี้ให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นเรื่องสำคัญต้องจริงจัง และเห็นผลระยะยาว นอกจากนี้ ตนขอย้ำว่า เรื่องการผลิตครูเป็นเรื่องที่ทุกพรรคจะต้องดำเนินการ เพราะเป็นโครงการที่ดีและทำมานานแล้ว แต่ถ้าไม่ทำ หรือไม่มีความชัดเจนเรื่องการผลิตครูที่จะผลต่อคุณภาพการศึกษาไทยจะทำให้ความศรัทธาต่อวงการศึกษาจะน้อยลงเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ รมว.ศึกษาธิการ มีแนวคิดที่จะประกันการมีงานทำให้กับนิสิตนักศึกษาที่เข้าโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่เพียง 30% ของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการนั้น ตนเห็นว่า 30% น้อยเกินไป และจะทำให้ไม่เห็นผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในภาพรวม เนื่องจากอาชีพครูไม่เหมือนกับอาชีพอื่นๆ ที่เงินเดือนจะสูง เช่น แพทย์ วิศวะ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา การให้ทุนและประกันการมีงานทำเป็นเครื่องพิสูจน์ และยืนยันได้ว่า ผู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้จะเป็นคนเก่ง มีคุณภาพ และที่สำคัญ เมื่อจบแล้วยังไปสอนในพื้นที่ขาดแคลนครูด้วย ดังนั้น ตนจึงเห็นว่า เรื่องการให้ทุนและประกันการมีงานทำเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ถ้าจำเป็นจะต้องลดจำนวนการประกันการมีงานทำลงจริง ควรจะอยู่ในสัดส่วน 50 ต่อ 50 น่าจะเหมาะสม
ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า การดำเนินโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ ปี 2555 ไม่ได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องการประกันการทำงานหลังเรียนจบ 30% นั้นหมายความว่า จะประกันงานให้นักศึกษาจากโครงการนี้ 30% ของจำนวนครูที่รับทั้งหมดทั่วประเทศในแต่ละปี ไม่ใช่รับนักศึกษาโครงการนี้มา 100 คน แล้วประกันงานเพียง 30 คน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รับบรรจุครูใหม่ประมาณปีละ 5,000 คน โดยจะรับจากโครงการครูพันธุ์ใหม่ 30% หรือประมาณ 1,500 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อย เพราะต้องเปิดโอกาสให้กับกลุ่มอื่นๆ ด้วย เช่น นักศึกษาจบใหม่ในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ครูเอกชนและลูกจ้างประจำที่อยากเป็นข้าราชการ ส่วนพิจารณาเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการ และคณะกรรมการคัดเลือกสถาบันฝ่ายผลิตและนักศึกษาทุนโครงการชุดใหม่ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการดำเนินโครงการในปีการศึกษา 2555 นั้น ตนกำลังพิจารณาอยู่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคิดให้รอบคอบ