กองทุนสุขภาพลงนามพัฒนาระบบริการ-ข้อมูลร่วมกันเน้นบริการมีคุณภาพ มาตรฐานเท่าเทียม ผู้ป่วยไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน เริ่มพัฒนาระบบรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉิน-ส่งต่อในวันที่ 1 เม.ย.นี้ เตรียมขยายผลไปสู่โรคไต-เอดส์ เล็งกลางปีนี้ใช้ได้
วานนี้ (28 มี.ค.) นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังร่วมพิธีลงนามความร่วมมือ 3 กองทุนสุขภาพ ทั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) กองทุนประกันสังคม และกองทุนสวัสดิการข้าราชการ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ รมว.สาธารณสุข รมว.แรงงาน และ รมว.คลัง ร่วมลงนาม เพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขของทั้ง 3 กองทุนให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า การลงนามครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ การบริการที่มีคุณภาพโดยผู้ที่มีสิทธิในแต่ละกองทุนไม่ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อน รวมทั้งพัฒนาระบบการทำงานของทั้ง 3 กองทุน ทั้งในเรื่องข้อมูล การจัดซื้อยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้มีราคาถูก มีคุณภาพ และมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ทั้ง 3 กองทุนได้เริ่มพัฒนาระบบบริการสุขภาพในส่วนของการให้บริการรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน และการส่งต่อให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน ผู้ป่วยที่มีสิทธิในแต่ละกองทุนสามารถเข้ารับการรักษาจนกว่าจะพ้นขีดอันตรายในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนแห่งใดก็ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งเริ่มมีผลในวันที่ 1 เมษายนนี้
“จากนี้ทั้ง 3 กองทุน มีเป้าหมายจะขยายระบบบริการสุขภาพไปสู่โรคอื่นๆ ให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน โดยล่าสุด ได้หารือกันว่าในส่วนของโรคเรื้อรังและต้องให้การรักษาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โรคไต โรคเอดส์ ทั้งนี้ ในส่วนของโรคไต ทั้ง 3 กองทุนจะดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการล้างไตอย่างมีคุณภาพและสะดวกมากขึ้น หากไปล้างไตที่คลินิกใกล้บ้าน การคิดค่าใช้จ่ายของแต่ละกองทุนก็จะเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่หากเป็นผู้ป่วยโรคไตที่มีโรคอื่นๆแทรกซ้อนแล้วต้องไปล้างไตที่โรงพยาบาล การคิดค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างไป รวมถึงการให้ยากระตุ้นเม็ดเลือดของผู้ป่วยโรคไต ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้อยู่ระหว่างการหารือกันของทั้ง 3 ผู้บริหารทั้ง 3 กองทุน ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม จะพยายามดำเนินการให้ได้ภายในกลางปีนี้” นพ.สุรเดช กล่าว
วานนี้ (28 มี.ค.) นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังร่วมพิธีลงนามความร่วมมือ 3 กองทุนสุขภาพ ทั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) กองทุนประกันสังคม และกองทุนสวัสดิการข้าราชการ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ รมว.สาธารณสุข รมว.แรงงาน และ รมว.คลัง ร่วมลงนาม เพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขของทั้ง 3 กองทุนให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า การลงนามครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ การบริการที่มีคุณภาพโดยผู้ที่มีสิทธิในแต่ละกองทุนไม่ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อน รวมทั้งพัฒนาระบบการทำงานของทั้ง 3 กองทุน ทั้งในเรื่องข้อมูล การจัดซื้อยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้มีราคาถูก มีคุณภาพ และมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ทั้ง 3 กองทุนได้เริ่มพัฒนาระบบบริการสุขภาพในส่วนของการให้บริการรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน และการส่งต่อให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน ผู้ป่วยที่มีสิทธิในแต่ละกองทุนสามารถเข้ารับการรักษาจนกว่าจะพ้นขีดอันตรายในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนแห่งใดก็ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งเริ่มมีผลในวันที่ 1 เมษายนนี้
“จากนี้ทั้ง 3 กองทุน มีเป้าหมายจะขยายระบบบริการสุขภาพไปสู่โรคอื่นๆ ให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน โดยล่าสุด ได้หารือกันว่าในส่วนของโรคเรื้อรังและต้องให้การรักษาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โรคไต โรคเอดส์ ทั้งนี้ ในส่วนของโรคไต ทั้ง 3 กองทุนจะดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการล้างไตอย่างมีคุณภาพและสะดวกมากขึ้น หากไปล้างไตที่คลินิกใกล้บ้าน การคิดค่าใช้จ่ายของแต่ละกองทุนก็จะเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่หากเป็นผู้ป่วยโรคไตที่มีโรคอื่นๆแทรกซ้อนแล้วต้องไปล้างไตที่โรงพยาบาล การคิดค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างไป รวมถึงการให้ยากระตุ้นเม็ดเลือดของผู้ป่วยโรคไต ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้อยู่ระหว่างการหารือกันของทั้ง 3 ผู้บริหารทั้ง 3 กองทุน ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม จะพยายามดำเนินการให้ได้ภายในกลางปีนี้” นพ.สุรเดช กล่าว
