ดีเอสไอ เข้าหารือ สธ.กรณียาซูโดฯ “พสิษฐ์” มอบหลักฐานลับ ชี้ข้อมูล ณ จุดเกิดเหตุ 6 รพ.เข้าข่าย มีหลักฐานชี้ชัดคนสนิท ขรก.ระดับสูงเกี่ยวข้อง ด้าน “ธาริต” คาดผลสอบเบื้องต้นได้ภายใน เม.ย.นี้
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าพบนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อหารือกรณีการสนธิกำลังร่วมกันในเรื่องการปราบปรามกรณีปัญหายาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ต่อด้วยการเข้าพบ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปรามฟื้นฟู และเยียวยาด้านยาเสพติด เพื่อหารือถึงรายละเอียดในการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน โดย นายพสิษฐ์ ได้มอบหลักฐานเป็นเอกสารลับในซองสีน้ำตาล ให้แก่ นายธาริต นำไปสอบสวนเพิ่มเติม
นายธาริต กล่าวว่า ครั้งนี้ได้หารือใน 2 เรื่อง โดยเรื่องแรก เป็นการหารือถึงการทำงานร่วมกันในอนาคต เนื่องจากขณะนี้ได้มีเพิ่มประกาศแนบท้ายพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 อีก 9 รายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหาร ยา เครื่องสำอาง และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งหลังจากมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่องต่างๆเหล่านี้จะกลายเป็นคดีที่ทางดีเอสไอรับผิดชอบโดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการเพื่อรับเป็นคดีพิเศษเหมือนที่ผ่านมา เบื้องต้นเชื่อว่า น่าจะผ่านได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ส่วนเรื่องที่สอง เป็นการหารือในเรื่องของการสนธิกำลัง ในการทำงานร่วมกันในการจับกุมยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ซึ่งต่อไปจะทำงานประสานกันทั้งหมดในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรื่องคดีที่อยู่ระหว่างสอบสวนนั้นไม่ขอพูด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวน ขอให้รอเวลา เชื่อว่าภายในเดือนเมษายนจะมีความชัดเจนบางส่วน แต่ยืนยันว่า เรื่องรายละอียดไม่สามารถระบุได้
นายธาริต กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นมีเป้าหมายแล้ว โดยบอกได้แค่ว่าเป็นคนกลาง หรือที่เรียกว่า ชอปปิ้งยา ทราบว่าเป็นใคร อย่างไร และมีเครือข่ายกี่คน ซึ่งมากอยู่ แต่ดีเอสไอมีเครื่องมือติดตาม อยู่ระหว่างเชื่อมโยงทั้งเส้นทางของเงิน การโทรศัพท์ติดต่อ ขอเวลาดำเนินการก่อน
ขณะที่นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ได้ให้หลักฐานเป็นเอกสารที่สามารถเชื่อมโยงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนสนิทข้าราชการระดับสูง ซึ่งถือเป็นการมอบหลักฐานอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้ ก็เคยประสานข้อมูลกันมาตลอด โดยหลักฐานดังกล่าวได้มาจากข้อมูลการสืบสวนในส่วนของโรงพยาบาล (รพ.) ทั้ง 6 แห่ง ซึ่งได้ ณ จุดเกิดเหตุ แบบไม่ทันตั้งตัว โดยในส่วนของคนสนิทข้าราชการระดับสูงนั้นได้มาจากรพ.2 แห่งจาก 6 แห่งที่เคยเป็นข่าวแล้ว แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าแห่งใดบ้าง เพราะขณะนี้ได้มอบให้ทางดีเอสไอไปสอบสวนแล้ว ในส่วนของคณะทำงานของตนมีหน้าที่สืบสวนข้อมูลต่างๆ เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างหาข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนรพ.ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีก 8 แห่ง ซึ่งบางแห่งยังมีความไม่ชัดเจนในแง่ตัวเลขการเบิกจ่ายไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อน เมื่อได้แล้วก็จะมอบให้แก่ทางดีเอสไอเช่นกัน
“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และจะเสนอรัฐมนตรี สธ.ต่อไป อย่างไรก็ตาม โดยหลักแล้วเมื่อมีข้อมูลหรือหลักฐานใดๆครบถ้วน ตนจะมีการทำรายงานส่งตรง 3 ส่วน ได้แก่ 1.รายงานตรงรัฐมนตรี สธ.2.รายงานตรง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งทำสำเนาข้อมูลถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ 3.รายงานต่ออธิบดีดีเอสไอ” นายพสิษฐ์ กล่าว
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าพบนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อหารือกรณีการสนธิกำลังร่วมกันในเรื่องการปราบปรามกรณีปัญหายาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ต่อด้วยการเข้าพบ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปรามฟื้นฟู และเยียวยาด้านยาเสพติด เพื่อหารือถึงรายละเอียดในการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน โดย นายพสิษฐ์ ได้มอบหลักฐานเป็นเอกสารลับในซองสีน้ำตาล ให้แก่ นายธาริต นำไปสอบสวนเพิ่มเติม
นายธาริต กล่าวว่า ครั้งนี้ได้หารือใน 2 เรื่อง โดยเรื่องแรก เป็นการหารือถึงการทำงานร่วมกันในอนาคต เนื่องจากขณะนี้ได้มีเพิ่มประกาศแนบท้ายพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 อีก 9 รายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหาร ยา เครื่องสำอาง และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งหลังจากมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่องต่างๆเหล่านี้จะกลายเป็นคดีที่ทางดีเอสไอรับผิดชอบโดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการเพื่อรับเป็นคดีพิเศษเหมือนที่ผ่านมา เบื้องต้นเชื่อว่า น่าจะผ่านได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ส่วนเรื่องที่สอง เป็นการหารือในเรื่องของการสนธิกำลัง ในการทำงานร่วมกันในการจับกุมยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ซึ่งต่อไปจะทำงานประสานกันทั้งหมดในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรื่องคดีที่อยู่ระหว่างสอบสวนนั้นไม่ขอพูด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวน ขอให้รอเวลา เชื่อว่าภายในเดือนเมษายนจะมีความชัดเจนบางส่วน แต่ยืนยันว่า เรื่องรายละอียดไม่สามารถระบุได้
นายธาริต กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นมีเป้าหมายแล้ว โดยบอกได้แค่ว่าเป็นคนกลาง หรือที่เรียกว่า ชอปปิ้งยา ทราบว่าเป็นใคร อย่างไร และมีเครือข่ายกี่คน ซึ่งมากอยู่ แต่ดีเอสไอมีเครื่องมือติดตาม อยู่ระหว่างเชื่อมโยงทั้งเส้นทางของเงิน การโทรศัพท์ติดต่อ ขอเวลาดำเนินการก่อน
ขณะที่นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ได้ให้หลักฐานเป็นเอกสารที่สามารถเชื่อมโยงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนสนิทข้าราชการระดับสูง ซึ่งถือเป็นการมอบหลักฐานอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้ ก็เคยประสานข้อมูลกันมาตลอด โดยหลักฐานดังกล่าวได้มาจากข้อมูลการสืบสวนในส่วนของโรงพยาบาล (รพ.) ทั้ง 6 แห่ง ซึ่งได้ ณ จุดเกิดเหตุ แบบไม่ทันตั้งตัว โดยในส่วนของคนสนิทข้าราชการระดับสูงนั้นได้มาจากรพ.2 แห่งจาก 6 แห่งที่เคยเป็นข่าวแล้ว แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าแห่งใดบ้าง เพราะขณะนี้ได้มอบให้ทางดีเอสไอไปสอบสวนแล้ว ในส่วนของคณะทำงานของตนมีหน้าที่สืบสวนข้อมูลต่างๆ เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างหาข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนรพ.ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีก 8 แห่ง ซึ่งบางแห่งยังมีความไม่ชัดเจนในแง่ตัวเลขการเบิกจ่ายไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อน เมื่อได้แล้วก็จะมอบให้แก่ทางดีเอสไอเช่นกัน
“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และจะเสนอรัฐมนตรี สธ.ต่อไป อย่างไรก็ตาม โดยหลักแล้วเมื่อมีข้อมูลหรือหลักฐานใดๆครบถ้วน ตนจะมีการทำรายงานส่งตรง 3 ส่วน ได้แก่ 1.รายงานตรงรัฐมนตรี สธ.2.รายงานตรง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งทำสำเนาข้อมูลถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ 3.รายงานต่ออธิบดีดีเอสไอ” นายพสิษฐ์ กล่าว