สสส.จัดพิธีไหว้ครูแพทย์แผนไทย เปิดโอกาส “หมอนวดตาบอด” ระลึกถึงพระคุณครู ชี้ อาชีพ “หมอนวด” ลงทุนน้อย รายได้ดีหากตั้งใจจริง
วันที่ 26 มี.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการจัดพิธีไหว้ครูแพทย์แผนไทย ประจำปี 2555 โดยมีผู้พิการทางสายตา ที่ผ่านการอบรมจากโครงการพัฒนาผู้พิการทางสายตาให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทการนวดไทย (หมอนวดไทย) ทั้งรุ่น 1 และ 2 จำนวน 75 คนร่วมพิธีครั้งนี้ด้วย
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวว่า ผู้พิการ ถือเป็นประชากรกลุ่มเฉพาะอีกกลุ่มที่ทั้งรัฐและภาคส่วนต่างๆ ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากสถิติขององค์การอนามัยโลกพบว่ามีคนพิการจากทั่วโลกกว่า 10% ขณะที่ในประเทศไทยจากตัวเลขของสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พบว่า มีอยู่ถึง 1,216,664 คน (ข้อมูลปี 2554) โดยแบ่งเป็นคนพิการทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวกว่า 20%, คนพิการทางการได้ยิน 14%, คนตาบอด 10% และมีเพียง 13% ที่เป็นคนพิการด้านการเรียนรู้ ดังนั้น สสส.ได้ร่วมกับภาคีต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งโครงการพัฒนาผู้พิการทางสายตาให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลป ถือเป็นภารกิจหลักของ สสส.ที่เข้ามาสนับสนุนให้ผู้พิการทางสายตาสามารถมีอาชีพ และสอบเป็นผู้ประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทนวดไทย ทั้งนี้ อาชีพหมดนวดไทย เป็นอาชีพอันดับต้นๆ ที่คนตาบอดนิยมทำรองจากการขายลอตเตอรี่ เพราะลงทุนน้อย ขอเพียงแค่มีความตั้งใจ ก็จะสามารถประกอบอาชีพนี้ได้ประสบความสำเร็จ และไม่ตกงานอย่างแน่นอน
นพ.ประพจน์ เภตรากาศ ผู้จัดการโครงการพัฒนาผู้พิการทางสายตาให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทการนวดไทย กล่าวว่า พิธีไหว้ครูแพทย์แผนไทยจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพราะถือเป็นวัฒนธรรมไทยที่ลูกศิษย์จะมากราบคารวะ และระลึกถึงพระคุณของครูแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นครูผู้รับมอบตัวศิษย์ ซึ่งในปีนี้จะมีหมอนวดที่ตาบอดเข้าร่วมในพิธีไหว้ครูด้วย เพราะถือเป็นศิษย์รุ่นแรกที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรวิชาชีพการนวดไทย เพื่อประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์แผนไทยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรุ่นแรกมีผู้สำเร็จการศึกษาประมาณ 35 คน โดยก่อนหน้านี้ มีผู้พิการทางสายตาประมาณ 1,000 กว่าคน ที่ผ่านการเรียนการสอนเกี่ยวกับแพทย์แผนไทยมาแล้ว แต่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าสอบ เพื่อขอใบประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์ ตาม พ.ร.บ.ประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์ เพราะผู้ที่จะสอบได้นั้นจะต้องผ่านการอบรมจากสถาบันที่ผ่านการรับรองหลักสูตรจากคณะกรรมการวิชาชีพ ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 6 แห่งเท่านั้นที่ได้รับการรับรองแล้ว
วันที่ 26 มี.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการจัดพิธีไหว้ครูแพทย์แผนไทย ประจำปี 2555 โดยมีผู้พิการทางสายตา ที่ผ่านการอบรมจากโครงการพัฒนาผู้พิการทางสายตาให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทการนวดไทย (หมอนวดไทย) ทั้งรุ่น 1 และ 2 จำนวน 75 คนร่วมพิธีครั้งนี้ด้วย
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวว่า ผู้พิการ ถือเป็นประชากรกลุ่มเฉพาะอีกกลุ่มที่ทั้งรัฐและภาคส่วนต่างๆ ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากสถิติขององค์การอนามัยโลกพบว่ามีคนพิการจากทั่วโลกกว่า 10% ขณะที่ในประเทศไทยจากตัวเลขของสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พบว่า มีอยู่ถึง 1,216,664 คน (ข้อมูลปี 2554) โดยแบ่งเป็นคนพิการทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวกว่า 20%, คนพิการทางการได้ยิน 14%, คนตาบอด 10% และมีเพียง 13% ที่เป็นคนพิการด้านการเรียนรู้ ดังนั้น สสส.ได้ร่วมกับภาคีต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งโครงการพัฒนาผู้พิการทางสายตาให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลป ถือเป็นภารกิจหลักของ สสส.ที่เข้ามาสนับสนุนให้ผู้พิการทางสายตาสามารถมีอาชีพ และสอบเป็นผู้ประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทนวดไทย ทั้งนี้ อาชีพหมดนวดไทย เป็นอาชีพอันดับต้นๆ ที่คนตาบอดนิยมทำรองจากการขายลอตเตอรี่ เพราะลงทุนน้อย ขอเพียงแค่มีความตั้งใจ ก็จะสามารถประกอบอาชีพนี้ได้ประสบความสำเร็จ และไม่ตกงานอย่างแน่นอน
นพ.ประพจน์ เภตรากาศ ผู้จัดการโครงการพัฒนาผู้พิการทางสายตาให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทการนวดไทย กล่าวว่า พิธีไหว้ครูแพทย์แผนไทยจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพราะถือเป็นวัฒนธรรมไทยที่ลูกศิษย์จะมากราบคารวะ และระลึกถึงพระคุณของครูแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นครูผู้รับมอบตัวศิษย์ ซึ่งในปีนี้จะมีหมอนวดที่ตาบอดเข้าร่วมในพิธีไหว้ครูด้วย เพราะถือเป็นศิษย์รุ่นแรกที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรวิชาชีพการนวดไทย เพื่อประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์แผนไทยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรุ่นแรกมีผู้สำเร็จการศึกษาประมาณ 35 คน โดยก่อนหน้านี้ มีผู้พิการทางสายตาประมาณ 1,000 กว่าคน ที่ผ่านการเรียนการสอนเกี่ยวกับแพทย์แผนไทยมาแล้ว แต่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าสอบ เพื่อขอใบประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์ ตาม พ.ร.บ.ประกอบโรคศิลป สาขาการแพทย์ เพราะผู้ที่จะสอบได้นั้นจะต้องผ่านการอบรมจากสถาบันที่ผ่านการรับรองหลักสูตรจากคณะกรรมการวิชาชีพ ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 6 แห่งเท่านั้นที่ได้รับการรับรองแล้ว