เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จี้ รมว.สธ.วางกรอบจริยธรรม ไม่คุยบริษัทน้ำเมาข้ามชาติ หลังมีข่าวขอพบ 12 มี.ค.พร้อมเรียกร้องออกกฎหมายลูกห้ามดื่มบนถนน หวังเป็นยาแรงลดอุบัติเหตุเจ็บ-ตาย บังคับใช้ทันสงกรานต์นี้
วันนี้ (11 มี.ค.) นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ที่ปรึกษาเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มนักธุรกิจ จากบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ ประเทศสหรัฐอเมริกา เตรียมเข้าพบ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในวันจันทร์ที่12 มี.ค.นี้ ว่า ที่ผ่านมา มีความพยายามของทุนน้ำเมาข้ามชาติแบบนี้ เพื่อเข้ามาแทรกแซงกระบวนการนโยบายของไทยหลายครั้ง แต่ในรัฐบาลที่ผ่านมา ยังไม่มีรัฐมนตรีคนไหนให้เข้าพบ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานที่ดีอยู่แล้ว และกระทรวงสาธารณสุขควรวางกรอบจริยธรรมให้ชัดเจน ว่าจะไม่คุยกับบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างชาติเหล่านี้ เพราะถือเป็นหลักการเดียวกับบุหรี่ ที่องค์การอนามัยโลก กำหนดเป็นกฎหมายให้ทั่วโลกนำไปปฏิบัติ ดังนั้น เครือข่ายฯ จึงหวังว่า รัฐบาลในยุคนี้คงไม่สร้างประวัติศาสตร์ ที่ถอยหลังลงคลอง
“เครือข่ายฯ สงสัยถึงความจริงใจในรัฐบาลยุคนี้ เพราะนายวิทยา อยู่ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรให้ความสำคัญกับการประชุม มากกว่าเอาเวลาไปพบกับบริษัทน้ำเมาข้ามชาติ และแปลกใจเมื่อไม่มีเวลาประชุม แต่กลับมีเวลาให้บริษัทน้ำเมาข้ามชาติเข้าพบ ดังนั้น หากนายวิทยา ต้องการแสดงถึงการทำหน้าที่ ควรเร่งออกมาตรการสำคัญๆ เช่น พิจารณากฎหมายลูกห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ หรือบนถนนทางสาธารณะ เพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุ พิการ เสียชีวิต ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ใกล้เข้ามาถึงนี้จะดีกว่า เนื่องจากเครือข่ายฯ รอด้วยความหวังอยากให้เกิดการบังคับใช้เพื่อลดความสูญเสีย” นายจะเด็จ กล่าวและว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการนี้เพื่อใช้เป็นยาแรง มากกว่าการนั่งนับศพ เพราะมาตรการที่ผ่านมาแค่ทรงๆ หรือลดลงไม่มาก แก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้ายังคงเลี้ยงไข้ ไม่กล้าใช้ยาแรงหรือออกมาตรการที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลมาก จะทำให้ปัญหากลับมาเหมือนเดิม ทั้งนี้ ขอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เห็นความสำคัญของปัญหา เร่งรัดให้นายวิทยา ทำหน้าที่และบังคับใช้มาตรการนี้ เพื่อให้ทันก่อนสงกรานต์ด้วย