“วิทยา” เผย ผลคัดกรองเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป รอบแรก 1.5 ล้านกว่าคน พบป่วยแล้วเกือบ 1 แสนคน เสี่ยงจะป่วยอีก 3.6 แสนคน ชี้อายุยิ่งมาก เสี่ยงป่วยมาก
วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ จังหวัดราชบุรี นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตรวจเยี่ยมการรณรงค์ตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ที่ตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการรณรงค์พร้อมกันทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ค้นหาผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันการเกิดโรค ให้การดูแลรักษาผู้ป่วย ลดการเสียชีวิตและลดความพิการ ตามนโยบายรัฐบาล
นายวิทยา กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคเรื้อรังหรือโรคจากวิถีชีวิตมากขึ้น โดยพบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคเบาหวานประมาณ 3 ล้านคน และเป็นความดันโลหิตสูงกว่า 10 ล้านคน จากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ.2551-2552 พบผู้ป่วยเบาหวานและความดันดันโลหิตสูง ได้รับการ รักษาและควบคุมอาการได้ประมาณ 1 ใน 4 เท่านั้น ยังมีผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 31 และความดันโลหิตสูงอีกร้อยละ 50 ที่ไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยโรค ซึ่งกลุ่มนี้หากไม่ได้รับการดูแล จะเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้สูง
สาเหตุการเกิดโรคเรื้อรัง เกี่ยวข้องกับ 5 ปัจจัยหลัก คือ 1.การรับประทานอาหารรสหวาน มัน เค็มมากเกินไป กินผัก และผลไม้น้อย 2.ขาดการออกกำลังกาย 3.ความเครียด 4.สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และ 5.มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนแก้ไขป้องกันระยะยาว 10 ปี โดยจัดทำยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย พ.ศ.2554-2563 เพื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตคนไทย ให้ลดความเสี่ยงการเกิดโรค ลดปัญหาโรคแทรกซ้อน ลดวามพิการ ลดการเสียชีวิต และลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต.ซึ่งอยู่ใกล้บ้านที่สุด สามารถให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังและป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเพิ่ม โดยในปี 2555 นี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรืออสม. 1 ล้านคน ออกตรวจคัดกรองโรคความดันโลหิต และโรคเบาหวาน ในประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปที่มีทั้งหมด 53.9 ล้านคน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 จนถึงขณะนี้ตรวจทั้ง 2 โรคไปแล้ว 1,589,936 คน แบ่งเป็นโรคเบาหวาน 626,656 คน และโรคความดันโลหิตสูง 963,280 คน
ผลการตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน ในกลุ่มอายุ 15-34 ปี ตรวจ 87,831คน พบผู้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินปกติเสี่ยงจะป่วยร้อยละ 10 หรือจำนวน 8,069 คน พบป่วยแล้ว 1,919 คน ในกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจ 538,825 คน พบผู้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินปกติ เสี่ยงจะป่วยร้อยละ 20 จำนวน 105,123 คน และพบป่วยแล้ว 36,602 คน ส่วนโรคความดันโลหิตสูง ในกลุ่มอายุ 15-34 ปี ตรวจ 185,324 คน พบผู้มีความดันโลหิตสูงเกินปกติ เสี่ยงจะป่วยร้อยละ 23 จำนวน 41,958 คน เป็นผู้ป่วยแล้ว 3,497 คน ในกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจ 777,956 คน พบผู้มีความดันโลหิตสูงเกินปกติ เสี่ยงจะป่วยร้อยละ 26 จำนวน 205,406 คน เป็นผู้ป่วย/ผู้ป่วยรายใหม่ 57,107 คน ซึ่งทั้งหมดได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้คำแนะนำติดตามดูแลรักษา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยง และดูแลรักษากลุ่มที่ป่วยอย่างต่อเนื่อง
ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การรณรงค์ตรวจคัดกรองเบาหวานและความดันโลหิตสูงครั้งนี้ จะช่วยให้ประชาชนทุกคนทราบว่ารู้สถานะสุขภาพตัวเองดีขึ้น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันไม่ให้ป่วยได้ทัน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม.จะนำผลการตรวจคัดกรอง มาวางแผนการดูแล โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ปกติ เน้นให้คำแนะนำสร้างเสริมสุขภาพตามหลัก 3 อ.2 ส.ได้แก่ ออกกำลังกาย อาหาร อารมณ์ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ และตรวจสุขภาพซ้ำปีละครั้ง 2.กลุ่มเสี่ยง ให้คำปรึกษาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพป้องกันไม่ให้ป่วย ติดตามตรวจเลือดและวัดความดันโลหิตทุก 6 เดือน 3.กลุ่มผู้ป่วย จัดระบบดูแลรักษา ควบคู่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตรวจหาโรคแทรกซ้อน โดยบริการเชื่อมโยงระหว่าง รพ.สต.โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลทั่วไป 4.กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อน จะส่งพบแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลศูนย์ เพื่อดูแลรักษา ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมป้องกันทั้ง 2 โรคนี้ได้ผลดียิ่งขึ้น
สำหรับจังหวัดราชบุรี มี อสม.11,600 คน ได้นำขบวนการลูกเสือมาประยุกต์ในการพัฒนาศักยภาพการทำงาน อสม.โดยแบ่ง อสม.เป็นทีม ประมาณ 5 ทีม ดูแลประชาชน 50 หลังคาเรือน ออกปฎิบัติการพร้อมๆ กัน เป็นทีมสุขภาพให้บริการประชาชนในหมู่บ้าน ทั้งการซักประวัติ ชั่งน้ำหนัก วัดรอบเอว ตรวจวัดความดันโลหิต เจาะเลือดตรวจดูน้ำตาล รวมทั้งดูแลลูกน้ำยุงลาย ความสะอาดสิ่งแวดล้อม ซึ่งการออกปฏิบัติการพร้อมกันเป็นทีมจะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนผู้รับบริการมากขึ้น และเป็นการสร้างความสามัคคีในการทำงาน โดย อสม.ทุกคน จะมีกระเป๋าครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ในกระเป๋าจะมีเครื่องมือสำคัญในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นแก่ประชาชน อาทิ เครื่องตรวจวัดความดันโลหิตและ เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดแบบดิจิตอล ปรอทตรวจวัดไข้ เครื่องชั่งน้ำหนัก ไฟฉาย ชุดปฐมพยาบาล สายวัดรอบเอวใช้เพื่อประเมินความอ้วน พร้อมคู่มือการปฏิบัติงานของ อสม.
วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ จังหวัดราชบุรี นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตรวจเยี่ยมการรณรงค์ตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ที่ตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการรณรงค์พร้อมกันทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ค้นหาผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันการเกิดโรค ให้การดูแลรักษาผู้ป่วย ลดการเสียชีวิตและลดความพิการ ตามนโยบายรัฐบาล
นายวิทยา กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคเรื้อรังหรือโรคจากวิถีชีวิตมากขึ้น โดยพบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคเบาหวานประมาณ 3 ล้านคน และเป็นความดันโลหิตสูงกว่า 10 ล้านคน จากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ.2551-2552 พบผู้ป่วยเบาหวานและความดันดันโลหิตสูง ได้รับการ รักษาและควบคุมอาการได้ประมาณ 1 ใน 4 เท่านั้น ยังมีผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 31 และความดันโลหิตสูงอีกร้อยละ 50 ที่ไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยโรค ซึ่งกลุ่มนี้หากไม่ได้รับการดูแล จะเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้สูง
สาเหตุการเกิดโรคเรื้อรัง เกี่ยวข้องกับ 5 ปัจจัยหลัก คือ 1.การรับประทานอาหารรสหวาน มัน เค็มมากเกินไป กินผัก และผลไม้น้อย 2.ขาดการออกกำลังกาย 3.ความเครียด 4.สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และ 5.มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนแก้ไขป้องกันระยะยาว 10 ปี โดยจัดทำยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย พ.ศ.2554-2563 เพื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตคนไทย ให้ลดความเสี่ยงการเกิดโรค ลดปัญหาโรคแทรกซ้อน ลดวามพิการ ลดการเสียชีวิต และลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต.ซึ่งอยู่ใกล้บ้านที่สุด สามารถให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังและป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเพิ่ม โดยในปี 2555 นี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรืออสม. 1 ล้านคน ออกตรวจคัดกรองโรคความดันโลหิต และโรคเบาหวาน ในประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปที่มีทั้งหมด 53.9 ล้านคน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 จนถึงขณะนี้ตรวจทั้ง 2 โรคไปแล้ว 1,589,936 คน แบ่งเป็นโรคเบาหวาน 626,656 คน และโรคความดันโลหิตสูง 963,280 คน
ผลการตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน ในกลุ่มอายุ 15-34 ปี ตรวจ 87,831คน พบผู้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินปกติเสี่ยงจะป่วยร้อยละ 10 หรือจำนวน 8,069 คน พบป่วยแล้ว 1,919 คน ในกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจ 538,825 คน พบผู้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินปกติ เสี่ยงจะป่วยร้อยละ 20 จำนวน 105,123 คน และพบป่วยแล้ว 36,602 คน ส่วนโรคความดันโลหิตสูง ในกลุ่มอายุ 15-34 ปี ตรวจ 185,324 คน พบผู้มีความดันโลหิตสูงเกินปกติ เสี่ยงจะป่วยร้อยละ 23 จำนวน 41,958 คน เป็นผู้ป่วยแล้ว 3,497 คน ในกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจ 777,956 คน พบผู้มีความดันโลหิตสูงเกินปกติ เสี่ยงจะป่วยร้อยละ 26 จำนวน 205,406 คน เป็นผู้ป่วย/ผู้ป่วยรายใหม่ 57,107 คน ซึ่งทั้งหมดได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้คำแนะนำติดตามดูแลรักษา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยง และดูแลรักษากลุ่มที่ป่วยอย่างต่อเนื่อง
ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การรณรงค์ตรวจคัดกรองเบาหวานและความดันโลหิตสูงครั้งนี้ จะช่วยให้ประชาชนทุกคนทราบว่ารู้สถานะสุขภาพตัวเองดีขึ้น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันไม่ให้ป่วยได้ทัน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม.จะนำผลการตรวจคัดกรอง มาวางแผนการดูแล โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ปกติ เน้นให้คำแนะนำสร้างเสริมสุขภาพตามหลัก 3 อ.2 ส.ได้แก่ ออกกำลังกาย อาหาร อารมณ์ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ และตรวจสุขภาพซ้ำปีละครั้ง 2.กลุ่มเสี่ยง ให้คำปรึกษาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพป้องกันไม่ให้ป่วย ติดตามตรวจเลือดและวัดความดันโลหิตทุก 6 เดือน 3.กลุ่มผู้ป่วย จัดระบบดูแลรักษา ควบคู่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตรวจหาโรคแทรกซ้อน โดยบริการเชื่อมโยงระหว่าง รพ.สต.โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลทั่วไป 4.กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อน จะส่งพบแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลศูนย์ เพื่อดูแลรักษา ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมป้องกันทั้ง 2 โรคนี้ได้ผลดียิ่งขึ้น
สำหรับจังหวัดราชบุรี มี อสม.11,600 คน ได้นำขบวนการลูกเสือมาประยุกต์ในการพัฒนาศักยภาพการทำงาน อสม.โดยแบ่ง อสม.เป็นทีม ประมาณ 5 ทีม ดูแลประชาชน 50 หลังคาเรือน ออกปฎิบัติการพร้อมๆ กัน เป็นทีมสุขภาพให้บริการประชาชนในหมู่บ้าน ทั้งการซักประวัติ ชั่งน้ำหนัก วัดรอบเอว ตรวจวัดความดันโลหิต เจาะเลือดตรวจดูน้ำตาล รวมทั้งดูแลลูกน้ำยุงลาย ความสะอาดสิ่งแวดล้อม ซึ่งการออกปฏิบัติการพร้อมกันเป็นทีมจะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนผู้รับบริการมากขึ้น และเป็นการสร้างความสามัคคีในการทำงาน โดย อสม.ทุกคน จะมีกระเป๋าครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ในกระเป๋าจะมีเครื่องมือสำคัญในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นแก่ประชาชน อาทิ เครื่องตรวจวัดความดันโลหิตและ เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดแบบดิจิตอล ปรอทตรวจวัดไข้ เครื่องชั่งน้ำหนัก ไฟฉาย ชุดปฐมพยาบาล สายวัดรอบเอวใช้เพื่อประเมินความอ้วน พร้อมคู่มือการปฏิบัติงานของ อสม.