นักเรียนทุน 1 อ.1 ทุน ในฝรั่งเศส พบ “สุชาติ” พร้อมวอนจัดหางานรองรับหลังเรียนจบ ขณะที่ รมว.ศึกษาฯ ไม่เอาด้วย ชี้ นักเรียนควรพึ่งพาตัวเองให้มาก พร้อมจี้ให้ทุนต่อไปต้องกระจายข่าวมากขึ้น ตั้งเป้าอัตราแข่งขันต้องสูงถึง 1 ต่อ 100 จากรุ่น 3 ที่มีคนมาสมัครเพียงแค่ 6 พัน อัตราแข่งขัน 1 ต่อ 6
กรุงปารีส - ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อม น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัด ศธ.เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันนักเรียนทุนโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 2 ซึ่งศึกษาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารยูเนสโก ที่กรุงปารีส ระหว่าง 29 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม ที่ผ่านมา โดย ศ.ดร.สุชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า นักเรียนทุนรุ่นที่ 2 ซึ่งกำลังจะสำเร็จการศึกษาในเดือนกันยายนนี้ ได้ขอให้ ศธ.ช่วยดูแลเกี่ยวกับการหางานหลังสำเร็จการศึกษา และเดินทางกลับประเทศไทยเพราะระบุว่าเมื่อจบกลับไปหางานใช้เวลานานมาก บางคนกลับไปทำงานไม่ตรงตามที่เรียนจบไป จึงอยากให้ช่วยดูแลโดยเฉพาะบางคนมีความต้องการเข้ารับราชการ
อย่างไรก็ตาม ตนได้ชี้แจ้งให้นักเรียนทุนเข้าใจว่า การหางานทำ รวมทั้งการใช้ชีวิตในทุกแง่นั้นจะต้องอยู่บนหลักการของการพึ่งตัวเอง ถึงเป็นนักเรียนนอกก็อย่าไปหวังให้มีคนอุ้มออกจากสนามบินไปเข้าทำงานเลย ขนาดคนจบปริญญาโท ยังต้องรองานกว่า 4 เดือน ขณะเดียวกัน ตนก็ไม่สนับสนุนให้มีนโยบายจัดหาตำแหน่งในระบบราชการไว้รองรับรับนักเรียนทุนทั้งหมด ทำอย่างนั้นจะเกิดปัญหาตามมาในเรื่องของอัตราได้ แต่ถ้านักเรียนทุนสามารถสอบบรรจุเข้ารับราชการได้ ตนก็ไม่ขัดข้อง
“ ทุนนี้ใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชน รวมทั้งคนยากจนด้วย เป็นทุนที่ส่งคนไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เพื่อกลับมาพัฒนาประเทศ ไม่ใช่ทุนที่หน่วยงานราชการส่งไป เพราะต้องการคนเข้ามาทำงานในหน่วยงาน เพราะฉะนั้น เมื่อเด็กเรียนจบก็ควรกลับไปทำประโยชนให้กับประเทศ โดยผ่านการทำงานในภาคเอกชน หรือทำงานในบ้านเกิด รัฐบาลเองคงไม่สามารถอุ้มชูคนบางกลุ่มเป็นการเฉพาะเจาะจงไปตลอด เด็กต้องหางานทำเอง แต่เชื่อว่า ในท้ายสุด ทุกคนสามารถหางานทำได้ เพราะเด็กที่ได้ทุนถือเป็นคนที่เก่ง มีความสามารถในอันดับที่ 1 ของอำเภอ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ศ.ดร.สุชาติ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ในรุ่นต่อๆ ไปนั้น อยากให้มีการประชาสัมพันธ์ กระจายข่าวให้ทั่วถึงมากกว่านี้ โครงการรุ่นที่ 3 ซึ่งกำลังดำเนินการคัดเลือกอยู่นั้น มีนักเรียนมาสมัครแค่ประมาณ 6,000 คน คิดเป็นอัตราแข่งขันประมาณ 1 ต่อ 6 ถือว่า น้อยไป ถ้ากระจายได้ทั่วถึงพอ น่าจะมีอัตราแข่งขันสูงถึง 1 ต่อ 100 ซึ่งการที่มีนักเรียนมาสมัครชิงทุนจำนวนมากนั้น จะทำให้เราได้นักเรียนที่เก่งจริงมารับทุน และจำนวนคนมาสมัครชิงทุนจำนวนมาก ยังเป็นการประกันได้ว่า การกระจายข่าวได้ทั่วถึง ลงไปถึงนักเรียนยากจน นักเรียนด้อยโอกาส แต่เรียนเก่งในพื้นที่ด้วย เป็นการสร้างความเท่าเทียมทางโอกาสให้เด็กยากจน ขณะเดียวกัน ตนก็ต้องการให้มีการปรับเงื่อนไขต่างๆ ที่จะไปขัดขวางไม่ให้เด็กยากจนจริงๆ สามารถสมัครสอบชิงทุนได้ อย่างเช่น เงื่อนไขที่กำหนดนักเรียนต้องมีเอกสารรับรองรายได้ครอบครัวไม่เกิน 150,000 บาทต่อปีนั้น ถ้าเป็นเด็กยากจนจริง ไม่รู้จักใคร ไม่มีเส้นสาย จะไปสามารถหาหลักฐานนี้มาได้ยังไง
กรุงปารีส - ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อม น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัด ศธ.เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันนักเรียนทุนโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 2 ซึ่งศึกษาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารยูเนสโก ที่กรุงปารีส ระหว่าง 29 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม ที่ผ่านมา โดย ศ.ดร.สุชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า นักเรียนทุนรุ่นที่ 2 ซึ่งกำลังจะสำเร็จการศึกษาในเดือนกันยายนนี้ ได้ขอให้ ศธ.ช่วยดูแลเกี่ยวกับการหางานหลังสำเร็จการศึกษา และเดินทางกลับประเทศไทยเพราะระบุว่าเมื่อจบกลับไปหางานใช้เวลานานมาก บางคนกลับไปทำงานไม่ตรงตามที่เรียนจบไป จึงอยากให้ช่วยดูแลโดยเฉพาะบางคนมีความต้องการเข้ารับราชการ
อย่างไรก็ตาม ตนได้ชี้แจ้งให้นักเรียนทุนเข้าใจว่า การหางานทำ รวมทั้งการใช้ชีวิตในทุกแง่นั้นจะต้องอยู่บนหลักการของการพึ่งตัวเอง ถึงเป็นนักเรียนนอกก็อย่าไปหวังให้มีคนอุ้มออกจากสนามบินไปเข้าทำงานเลย ขนาดคนจบปริญญาโท ยังต้องรองานกว่า 4 เดือน ขณะเดียวกัน ตนก็ไม่สนับสนุนให้มีนโยบายจัดหาตำแหน่งในระบบราชการไว้รองรับรับนักเรียนทุนทั้งหมด ทำอย่างนั้นจะเกิดปัญหาตามมาในเรื่องของอัตราได้ แต่ถ้านักเรียนทุนสามารถสอบบรรจุเข้ารับราชการได้ ตนก็ไม่ขัดข้อง
“ ทุนนี้ใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชน รวมทั้งคนยากจนด้วย เป็นทุนที่ส่งคนไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เพื่อกลับมาพัฒนาประเทศ ไม่ใช่ทุนที่หน่วยงานราชการส่งไป เพราะต้องการคนเข้ามาทำงานในหน่วยงาน เพราะฉะนั้น เมื่อเด็กเรียนจบก็ควรกลับไปทำประโยชนให้กับประเทศ โดยผ่านการทำงานในภาคเอกชน หรือทำงานในบ้านเกิด รัฐบาลเองคงไม่สามารถอุ้มชูคนบางกลุ่มเป็นการเฉพาะเจาะจงไปตลอด เด็กต้องหางานทำเอง แต่เชื่อว่า ในท้ายสุด ทุกคนสามารถหางานทำได้ เพราะเด็กที่ได้ทุนถือเป็นคนที่เก่ง มีความสามารถในอันดับที่ 1 ของอำเภอ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ศ.ดร.สุชาติ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ในรุ่นต่อๆ ไปนั้น อยากให้มีการประชาสัมพันธ์ กระจายข่าวให้ทั่วถึงมากกว่านี้ โครงการรุ่นที่ 3 ซึ่งกำลังดำเนินการคัดเลือกอยู่นั้น มีนักเรียนมาสมัครแค่ประมาณ 6,000 คน คิดเป็นอัตราแข่งขันประมาณ 1 ต่อ 6 ถือว่า น้อยไป ถ้ากระจายได้ทั่วถึงพอ น่าจะมีอัตราแข่งขันสูงถึง 1 ต่อ 100 ซึ่งการที่มีนักเรียนมาสมัครชิงทุนจำนวนมากนั้น จะทำให้เราได้นักเรียนที่เก่งจริงมารับทุน และจำนวนคนมาสมัครชิงทุนจำนวนมาก ยังเป็นการประกันได้ว่า การกระจายข่าวได้ทั่วถึง ลงไปถึงนักเรียนยากจน นักเรียนด้อยโอกาส แต่เรียนเก่งในพื้นที่ด้วย เป็นการสร้างความเท่าเทียมทางโอกาสให้เด็กยากจน ขณะเดียวกัน ตนก็ต้องการให้มีการปรับเงื่อนไขต่างๆ ที่จะไปขัดขวางไม่ให้เด็กยากจนจริงๆ สามารถสมัครสอบชิงทุนได้ อย่างเช่น เงื่อนไขที่กำหนดนักเรียนต้องมีเอกสารรับรองรายได้ครอบครัวไม่เกิน 150,000 บาทต่อปีนั้น ถ้าเป็นเด็กยากจนจริง ไม่รู้จักใคร ไม่มีเส้นสาย จะไปสามารถหาหลักฐานนี้มาได้ยังไง