"นิวัฒน์ธำรง" หนุนบรรจุศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติ พร้อมผลักดันงานมหาเถรสมาคม และหนุนส่งเสริมวันสำคัญทางพุทธศาสนาเชื่อมโยงกิจกรรมพุทธยันตี
วันนี้ (29 ก.พ.) ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าถวายสักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) พร้อมกล่าวภายหลังถวายสักการะว่า รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสรับใช้ มส. และพร้อมสนับสนุนกิจการด้านพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ เป็นปี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา สมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา รัฐบาลร่วมกับ มส.จัดกิจกรรมเฉลิมในโอกาสสำคัญดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกันนี้จะส่งเสริมให้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเชื่อมโยงกับกิจกรรมพุทธชยันตีด้วย โดยเฉพาะเรื่องส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมให้แก่ประชาชน
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวด้วยว่า ตนเห็นว่าควรมีการผลักดันในเรื่องของการศึกษาคณะสงฆ์ ควรจะมีการสนับสนุนงบประมาณให้การศึกษาสงฆ์เกิดการพัฒนามากกว่านี้ นอกจากนี้ จะต้องมีการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ ที่ค้างอยู่จะต้องมีการนำมาพิจารณา อาทิ ร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา
เมื่อถามถึงการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยที่จะให้มีการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หากมีกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเสนอเข้ามา ตนจะทำหน้าที่ประสานและส่งข้อมูลให้กับทางสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับ สสร.ว่า จะเห็นด้วยหรือไม่
“หากมีกลุ่มใดเสนอเรื่องการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติขึ้นมา ผมก็ขอเชิญชวนคนไทยให้ออกมาสนับสนุน ที่สำคัญหากมีบรรจุแล้ว คนไทยไม่นำหลักธรรมมาปฏิบัติ อาจจะทำให้พุทธศาสนาสูญหายไปจากประเทศไทยได้เหมือนกับประเทศอินเดียซึ่งเป็นต้นกำเนิดแต่ไม่รักษาก็สูญหายเช่นกัน”รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย
วันนี้ (29 ก.พ.) ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าถวายสักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) พร้อมกล่าวภายหลังถวายสักการะว่า รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสรับใช้ มส. และพร้อมสนับสนุนกิจการด้านพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ เป็นปี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา สมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา รัฐบาลร่วมกับ มส.จัดกิจกรรมเฉลิมในโอกาสสำคัญดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกันนี้จะส่งเสริมให้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเชื่อมโยงกับกิจกรรมพุทธชยันตีด้วย โดยเฉพาะเรื่องส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมให้แก่ประชาชน
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวด้วยว่า ตนเห็นว่าควรมีการผลักดันในเรื่องของการศึกษาคณะสงฆ์ ควรจะมีการสนับสนุนงบประมาณให้การศึกษาสงฆ์เกิดการพัฒนามากกว่านี้ นอกจากนี้ จะต้องมีการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ ที่ค้างอยู่จะต้องมีการนำมาพิจารณา อาทิ ร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา
เมื่อถามถึงการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยที่จะให้มีการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หากมีกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเสนอเข้ามา ตนจะทำหน้าที่ประสานและส่งข้อมูลให้กับทางสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับ สสร.ว่า จะเห็นด้วยหรือไม่
“หากมีกลุ่มใดเสนอเรื่องการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติขึ้นมา ผมก็ขอเชิญชวนคนไทยให้ออกมาสนับสนุน ที่สำคัญหากมีบรรจุแล้ว คนไทยไม่นำหลักธรรมมาปฏิบัติ อาจจะทำให้พุทธศาสนาสูญหายไปจากประเทศไทยได้เหมือนกับประเทศอินเดียซึ่งเป็นต้นกำเนิดแต่ไม่รักษาก็สูญหายเช่นกัน”รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย