สบส.จับมือเครือข่ายสุขภาพลดโรค เฉลิมพระเกียรติมหาวชิราลงกรณ

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติ 57 พรรษา มหาวชิราลงกรณ หมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดโรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เจริญพระชนมายุ 57 พรรษา และเป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการสายใยรักแห่งครอบครัวในพระราชูปถัมภ์ฯ วันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2555 ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรี

วันนี้ (27 ก.พ.) นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน “โครงการเฉลิมพระเกียรติ 57 พรรษา มหาวชิราลงกรณ หมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด” พร้อมมอบรางวัลสถานบริการสุขภาพที่มีการพัฒนาคุณภาพงานสุขศึกษาดีเด่น และมอบใบรับรองมาตรฐานงานสุขศึกษา ทั้งนี้ ในปี 2554 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้มีการดำเนินงานพัฒนากระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างแท้จริงที่สามารถขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้ในพื้นที่เป้าหมาย 25 จังหวัด โดยเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้เครือข่ายสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้พัฒนาพื้นที่ของตนให้เป็นต้นแบบในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด ซึ่งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เป็นหน่วยงานหลักในการผลักดัน ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในหมู่บ้านเป้าหมายมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้อง โดยมีการออกกำลังกายสม่ำเสมอสัปดาห์ละอย่างน้อย 3-4 วัน วันละอย่างน้อย 30 นาที ร่วมกับการกินผัก ผลไม้สดวันละอย่างน้อยครึ่งกิโลกรัมขึ้นไป และลดไขมันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงการนี้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เจริญพระชนมายุ 57 พรรษา เมื่อปี พ.ศ. 2551 รวมระยะเวลาดำเนินการถึงปัจจุบันกว่า 5 ปี และเกิดต้นแบบของการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้องตามบริบทและวิถีชีวิตของชุมชน อันจะนำไปสู่การลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค ไร้เชื้อเรื้อรังที่เกิดจากการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันคนไทยเจ็บป่วยและตายด้วยปัญหากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็ง ซึ่งกำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ท้าทายของประเทศไทย โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากการมีวิถีชีวิตที่ไม่เหมาะสม อันเป็นผลมาจากอิทธิพลกระแสโลกาภิวัตน์ ความเจริญทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและสังคม ซึ่งส่งผลต่อการมีพฤติกรรมที่สำคัญคือ ขาดการออกกำลังกาย การบริโภคที่ไม่ได้สัดส่วน ผักและผลไม้สดไม่เพียงพอ และมีความเครียดเรื้อรัง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เป็นต้น

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมาส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายมีการออกกำลังกายตามเกณฑ์เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 57.6 เป็นร้อยละ 75.8 สำหรับการกินผักผลไม้สดตามเกณฑ์ เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 21.6 เป็นร้อยละ 49.6 และในปีงบประมาณ 2555 ได้มีการพัฒนากระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้กับ 25 จังหวัดซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายใหม่ โดยเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้เครือข่ายสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปพัฒนาพื้นที่ของตนและหมู่บ้าน จำนวน 308 หมู่บ้าน ครอบคลุมในพื้นที่ 76 จังหวัด เพื่อให้มีการพัฒนาและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพต่อไป

ทั้งนี้ การดำเนินงานด้านสุขภาพเชิงรุกนี้จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการแก้ปัญหาสาธารณสุขที่เป็นอยู่ และเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของตนให้ถูกต้อง และนำไปสู่การมีสุขภาพดีถ้วนหน้าที่ยั่งยืน