xs
xsm
sm
md
lg

ศธ.ถามสำนักพิมพ์ ซื้อเนื้อหาเพื่อใช้ในแท็บเล็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
ศธ.โยน 4 แนวทางถามความเห็นสำนักพิมพ์เรื่องการจัดซื้อเนื้อหาเพื่อใช้ในแท็บเล็ต เบื้องต้นส่วนใหญ่เห็นสอดคล้องกับการทำเซิร์ฟเวอร์กลาง ทั้งที่เป็นของสำนักพิมพ์ หรือเซิร์ฟเวอร์กลางของ ศธ.และให้ ร.ร.ดาวน์โหลดไปใช้งาน พร้อมเสนอตัวจัดอบรมครู ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ให้ ด้าน “ศศิธารา” ระบุ จะส่งหนังสือให้สำนักพิมพ์ทำแผนมาเสนอก่อนสรุปรายงาน รมว.ศึกษาธิการ ชี้ขณะนี้ ร.ร.สพฐ.จำนวน 789 โรงที่มีระบบอินเทอร์เน็ตรองรับการใช้แท็บเล็ต ยันต้องรอ

น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมการนำเสนอเนื้อหาสาระการเรียนรู้เพื่อบรรจุในคอมพิวเตอร์แบบพกพา (แท็บเล็ต) ร่วมกับสำนักพิมพ์เอกชน จำนวน 14 สำนักพิมพ์ อาทิ บริษัท MCGRAWHILL, สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช จำกัด, บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น, บริษัท อักษรเจริญทัศน์ (อจท.) จำกัด เป็นต้น ว่า ได้เชิญสำนักพิมพ์มาหารือเพื่อสอบถามถึงความพร้อมในการเตรียมเนื้อหาที่จะบรรจุลงในแท็บเล็ต เพราะขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เตรียมพร้อมเนื้อหาหลักสูตรของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในรูปแบบ Learning Object และ e-book เพื่อบรรจุลงในแท็บเล็ตใช้พื้นที่ความจำไปแล้ว 4 กิกะไบต์ จาก 8 กิกะไบต์ อย่างไรก็ตาม ระยะยาวนโยบาย ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องการให้ทุกชั้นเรียนได้ใช้แท็บเล็ต เท่ากับว่า ในปีการศึกษา 2555 ระดับชั้นอื่นๆ ตั้งแต่ ป.2-6 และมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ต้องมีแท็บเล็ตใช้ด้วยโดยเฉพาะระดับมัธยมนั้นเนื้อหาสาระการเรียนมีมากกว่าระดับประถมคาดว่าต้องใช้หน่วยความจำประมาณ 16 กิกะไบต์ ซึ่งสำนักพิมพ์ส่วนใหญ่ ระบุว่า เนื้อหาสาระที่จะบรรจุแท็บเล็ตระดับประถมศึกษานั้นได้เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ส่วนระดับมัธยมนั้นจะเสร็จเรียบร้อยในเดือนมีนาคมแน่นอน

ทั้งนี้ ได้สอบถามความเห็นเพิ่มเติมเรื่องของลิขสิทธิ์และวิธีการจัดซื้อว่าควรดำเนินการเช่นไร ซึ่งได้ ศธ.เสนอ 4 แนวทาง คือ 1.ดำเนินการในรูปแบบทีโออาร์ยื่นซองประกวดราคา 2.ให้ดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์ของสำนักพิมพ์ 3.ศธ.ทำเซิร์ฟเวอร์กลางและสำนักพิมพ์นำหลักสูตรมาใส่ไว้เพื่อให้โรงเรียนดาวน์โหลด และ 4.สำนักพิมพ์จัดเก็บข้อมูลลงใน SD Card โดยจากข้อเสนอเหล่านี้ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางที่ 2 และ 3 พร้อมกันนี้ ได้เสนอให้ ศธ.มีการเตรียมการเรื่องระบบบริหารจัดการที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ความเห็นที่ตรงกันมากที่สุดตนได้สั่งการให้มีการส่งหนังสือไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆ เพื่อขอให้เสนอแนวทางหรือแผนที่เหมาะสมกลับมายัง ศธ.ภายในวันศุกร์นี้ จากนั้นจะนำมาสรุปเพื่อนำเสนอ รมว.ศึกษาธิการ ต่อไป

“สำนักพิมพ์ส่วนใหญ่ตื่นตัวและเตรียมจัดทำหลักสูตรที่พร้อมจะบรรจุในแท็บเล็ตแล้ว ซึ่งหลายแห่งก็รับประกันคุณภาพหลักสูตรที่จะนำมาใช้ รวมทั้งเสนอตัวที่จะช่วยอบรมเตรียมพร้อมให้กับครู ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งจุดนี้ก็สอดคล้องกับแนวทางของ ศธ.ที่จะดำเนินการ นอกจากนี้ ในวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ ที่ ศธ.จะจัดแถลงยุทธศาสตร์ของกระทรวงที่เมืองทองธานี ซึ่งประเด็นสำคัญจะเกี่ยวข้องกับแท็บเล็ตโดยจะเชิญนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานเปิดงาน และในวันดังกล่าวจะเชิญสำนักพิมพ์มาจัดแสดงด้วย” น.ส.ศศิธารา กล่าว

ปลัด ศธ.กล่าวถึงความคืบหน้าในการสำรวจความพร้อมของสถานศึกษาที่จะได้รับจัดสรรแท็บเล็ตในเดือนพฤษภาคม 2555 นี้ ว่า ขณะนี้ได้จัดแบ่งสถานศึกษาออกเป็น 3 กลุ่มตามความพร้อม ซึ่งได้รับรายงานข้อมูลเฉพาะของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เท่านั้น ว่า มีโรงเรียนทั้งหมด 24,098 โรง นักเรียน ป.1 จำนวน 507,148 คน แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1.กลุ่มที่มีการติดตั้งระบบไฟเบอร์ออปติก (Fiber Optic) เรียบร้อยจำนวน 789 โรงแต่ ศธ.อาจจะต้องประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อติดตั้งกล่องรับสัญญาณเพิ่มเติมสำหรับรองรับการใช้งานของนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ระยะไกล 2.กลุ่มที่มีการใช้ระบบเอดีเอสแอล (ADSL) จำนวน 6,457 โรง ซึ่งส่วนใหญ่ระบบนี้จะเป็นการเชื่อมต่อทางสายโทรศัพท์และนิยมใช้ในห้องคอมพิวเตอร์ ซึ่ง ศธ.ต้องประสานไอซีทีในการติดตั้งสายเพิ่มเติม และ 3.กลุ่มที่มีการใช้ระบบสัญญาณจานเดียวเทียม หรือ แซทเทิลไลท์ จำนวน 16,652 โรง ซึ่งกลุ่มสนี้ค่อนข้างมีปัญหาในการเชื่อมต่อสัญญาณ อย่างไรก็ตาม เราต้องการข้อมูลของสถานศึกษาทุกสังกัด เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เพื่อจะนำมาจัดวางแผนเพื่อขยายเครือข่ายได้อย่างครอบคลุม
กำลังโหลดความคิดเห็น