สพฐ. ชี้ภาพเบลอไม่ฟันธงเป็นเด็กในสังกัด ขอตรวจสอบก่อน ระบุรื้อระบบดูแลนักเรียร ตั้ง คกก.เฉพาะกิจขึ้นมาดูแลปัญหาขึ้นตรงกับเลขาฯ กพฐ. คาดจัดเวทีเสวนาระดมความเห็นหาทางแก้ไขปัญหา
จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากประชาชนถึงความไม่เหมาะสมเมื่อปรากฎภาพเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งแต่งกายไม่เหมาะสมส่งต่อกันว่อนเน็ตผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยภาพดังกล่าวเป็นนักเรียนหญิง 7 คนส่วนใหญ่มีการถอดเสื้อผ้าออกเหลือเพียงยกทรง ส่วนอีกคนสวมใส่เสื้อชุดนักเรียนคอซองและแต่นั่งแหกขาโชว์กางเกงในสีแดง และยังมีบางคนใส่เสื้อสายเดี่ยวและมีการแสดงท่าทางกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน โดยทั้งหมดได้ถ่ายภาพด้วยใบหน้าระรื่นร่าเริง ซึ่งต้นตอการส่งภาพมาจากบุคคลที่ใช้ชื่อว่า Beer nirvana โดยมีผู้มาแสดงความคิดเห็นแสดงความชื่นชอบภาพดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลา 10 นาที มีผู้กดไลค์เพิ่มขึ้นเป็นพันราย รวมทั้งมีการนำภาพดังกล่าวไปเผยแพร่แบ่งปันจำนวนมาก
วันนี้ (17 ม.ค.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนั้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นนักเรียนในสังกัด สพฐ.จริงหรือไม่เพราะภาพที่ปรากฎนั้นค่อนข้างเบลอ ทั้งนี้ สพฐ.จะปรับวิธีและระบบดูแลนักเรียนใหม่ โดยตั้งคณะกรรมการซึ่งเป็นทีมเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ และขึ้นตรงกับเลขาธิการ กพฐ.โดยตรงเพื่อให้การทำงานคล่องตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เหตุการณ์ที่เด็ก ๆ มีพฤติกรรมลักษณะนี้เกิดขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งอาจต้องจัดเวทีเสวนาเชิญครุผู้สอน ครูแนะนแนว หรือนักเรียน ผู้ปกครองมาร่วมกันเสนอความคิดเห็นร่วมกันเพื่อหาทางป้องกันและแก้ปัญหา
ถามว่าทางโรงเรียนมีการให้ความรู้กับนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องการโพสภาพในลักษณะนี้อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ นายชินภัทร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เป็นผู้ให้ความรู้ที่ถูกต้อง ซึ่งหากทางไอซีที มีความต้องการเผยแพร่ความรู้ สพฐ.ก็พร้อมประสานให้ ขณะเดียวกันกำลังประสานขอให้ไอซีทีตรวจสอบถึงที่มาที่ไปว่าต้นตอคลิปมาจากที่ไหนและภาพที่ถูกเผยแพร่ออกไปนั้นเป็นภาพปัจจุบันหรือถ่ายเก็บไว้นานแล้ว และเด็กในภาพเป็นนักเรียนจากโรงเรียนใด เพื่อหาทางแก้ปัญหาต่อไป ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่เพ่งเล็งความผิดไปที่นักเรียน แต่เราจะต้องปรับปรุงระบบการศึกษาใหม่ โดยเฉพาะระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้เข้มข้นจะได้ไม่มีช่องว่างแบบนี้เกิดขึ้น