xs
xsm
sm
md
lg

สธ.ตั้งเป้าเป็นผู้นำการแพทย์ดั้งเดิมรับสังคมอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.หนุนบริการแพทย์แผนไทย-แพทย์ทางเลือก ใน รพ.ทุกแห่ง พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านการแพทย์ดั้งเดิมในอาเซียน

วันนี้ (11 ม.ค.) ที่ จ.นครนายก นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยนพ.สมชัย นิจพานิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดประชุม “การนำนโยบายด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกสู่การปฏิบัติ” พร้อมบรรยายพิเศษ เรื่อง “นโยบายการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” โดยมี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกว่า 300 คน

นายวิทยา กล่าวว่า ใน ปี 2555 สธ.ได้มีโครงการพัฒนา 4 โครงการ คือ 1.การพัฒนาศูนย์ยาไทยและสมุนไพรไทย  2.การขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีขึ้นทะเบียนประมาณ 5 หมื่นคนแล้ว และโดยรวบรวมองค์ความรู้  ตำรับ ยา ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน ผลิตเป็นตำรา 3.การพัฒนาโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยต้นแบบ ปัจจุบันมี 9 แห่ง ดังนี้ รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี รพ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รพ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ รพ.สมเด็จพระยุพราชเด่นชัย จ.แพร่  รพ.เทิง จ.เชียงราย รพ.ท่าโรงช้าง จ.สุราษฎร์ธานี  รพ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว  รพ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี และจะเพิ่มในปีนี้อีก 3 แห่งด้วยกัน คือ คณะการแพทย์แผนไทย ม.สงขลานครินทร์ ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร วิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก               ม.ราชภัฏเชียงราย  และ การพัฒนาแพทย์แผนไทยดั้งเดิมในกรอบอาเซียน

นายวิทยา กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีแพทย์แผนไทยและบริการการแพทย์แผนไทย/การแพทย์ทางเลือกในโรงพยาบาล ทุกระดับ ตั้งแต่ตำบลถึงจังหวัด มียาจากสมุนไพรในบัญชียาแห่งชาติเกือบ 100 รายการ การนวด การอบสมุนไพร การประคบ การทับหมอเกลือ ที่สำคัญ การบริการดังกล่าวอยู่ในสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพแล้ว ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สนับสนุนงบในปี 2555 นี้ ประมาณ 365 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community-AEC) ในปี 2558 ส่งผลให้การเดินทางเพื่อเจรจาการค้าระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมา ตลาดสินค้าสมุนไพร ยาแผนดั้งเดิม อาหาร และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ภาพรวมในประเทศ ในปี 2554 มีมูลค่าถึง 2,000 ล้านบาท และคาดว่า ในปี 2558 มูลค่าอุตสาหกรรมที่ใช้สมุนไพรจะสูงถึง 30,000 ล้านบาท ซึ่งประเทศสมาชิก ต้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์อาเซียนที่กำหนดไว้  รวมทั้งไทยที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำด้านการแพทย์ดั้งเดิมในภูมิภาคอาเซียน  โดยในปี 2555 ได้วางแผนการดำเนินการ 3 ด้าน คือ 1.ด้านงบประมาณ ได้แก่ การบริหารจัดการนายทะเบียนจังหวัด การขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้าน การสร้างเครือข่าย  2.ด้านวิชาการ ได้แก่ การวิจัยเพื่อสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพรไทย การพัฒนาแนวทางการเบิกค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในสำหรับโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย จัดทำราคากลางอ้างอิงยาแผนไทยในสถานบริการสาธารณสุข 3.การพัฒนาหน่วยผลิตยาสมุนไพรมาตรฐานจีเอ็มพี (GMP)และพัฒนาโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยต้นแบบ  
 
กำลังโหลดความคิดเห็น