xs
xsm
sm
md
lg

“วรวัจน์” ผุดไอเดียปรับระบบสอบรับตรงใหม่ สอบครั้งเดียวตามกลุ่มวิชา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“วรวัจน์” ผุดแนวคิดปรับระบบสอบรับตรงใหม่ สอบครั้งเดียวตามกลุ่มวิชา วาดฝันในอนาคตนำไปรวมกับระบบแอดมิชชันให้กลายเป็นระบบคัดเลือกใหม่ หวังเริ่มใช้ระบบรับตรงใหม่ปี 56 ขณะที่ การสอบวิชาสามัญ 7 วิชา ที่ ร.ร.วัดสุทธิวราราม พบผู้เข้าสอบอายุมากที่สุด 53 ปี มาสอบเพื่อนำความรู้ไปสอนลูกหลาน “สัมพันธ์” เผย ใช้มาตรการป้องกันการทุจริตแบบเดียวกับสอบ GAT/PAT แต่มีการกำชับเพิ่มเติมทั้งเรื่องความปลอดภัยของข้อสอบ การคุมสอบ และการจัดโต๊ะสอบ

วันนี้ (7 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่สนามสอบโรงเรียนวัดสุทธิวราราม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วยรศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางมาตรวจเยี่ยมสนามสอบ การจัดทดสอบวิชาสามัญ 7 วิชา เพื่อนำคะแนนไปใช้ในการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในระบบรับตรงผ่านเคลียริ่งเฮาส์ ประจำปีการศึกษา 2555 ซึ่งจัดสอบพร้อมกันทั่วประเทศระหว่างวันที่ 7-8 มกราคม 2555
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตรวจเยี่ยมสนามสอบวิชาสามัญ 7 วิชาครั้งแรกที่สนามสอบโรงเรียนวัดสุทธิวราราม พร้อมด้วย รศ.ดร.สัมพันธุ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ และนายสุนันทวิทย์ พลอยขาว ผอ.โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
นายวรวัจน์ กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยม ว่า การทดสอบวิชาสามัญ 7 วิชา ถือเป็นการจัดสอบครั้งแรก เพื่อนำคะแนนไปใช้ในรับตรงผ่านเคลียริ่งเฮาส์ ซึ่งในภาพรวมการจัดสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ ได้กำชับให้สนามสอบต่างๆ ว่า ต้องไม่มีการทุจริต และไม่มีข้อสงสัยจากเด็กและผู้ปกครอง ส่วนที่หลายฝ่ายเกรงว่าการที่ สทศ.ดำเนินการจัดทดสอบต่างๆ ติดต่อกันจำนวนมาก อาจจะทำให้เด็กเกิดความเครียดนั้น ส่วนตัวเห็นว่า น่าจะเป็นผลดี เพราะเท่ากับว่า เด็กจะได้เตรียมตัวอ่านหนังสือเพียงครั้งเดียวแต่สามารถนำความรู้ไปสอบหลายๆ อย่างได้เลย และเท่าที่พูดคุยกับนักเรียนที่มาสอบนั้น เด็กก็บอกว่าข้อสอบไม่ยากเกินไป และตนเชื่อว่า การสอบครั้งนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องที่เด็กต้องวิ่งรอกสอบเป็นเหตุทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการสอบรับตรงได้ ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยจะสามารถคัดเด็กได้ตรงตามที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า ในอนาคตนั้นน่าจะต้องมีการปรับระบบการสอบรับตรง เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของเด็กและมหาวิทยาลัยมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือระหว่าง ศธ.โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ. ) และมหาวิทยาลัยทั้งหมด รวมทั้งสภาคณบดีคณะต่างๆ เพื่อช่วยปรับหลักสูตรระดับมัธยมศึกษา เป็นหลักสูตรมัธยมเชิงปฏิบัติการ 7 กลุ่มอาชีพ โดยมีมหาวิทยาลัยมาร่วมจัดทำหลักสูตร เพราะทั้งสองระดับการศึกษาต้องเชื่อมโยงกัน ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรรม กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มบริหารจัดการและสังคม กลุ่มความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต กลุ่มอาหาร และกลุ่มวิจัยนวัตกรรมและการถ่ายทอดองค์ความรู้ ดังนั้น ในอนาคตการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ควรต้องมีการปรับระบบให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะข้อสอบรับตรงนั้นจะต้องเปลี่ยนจากการสอบวิชาสามัญ 7 วิชา เป็น 7 กลุ่มอาชีพ เพื่อช่วยให้การส่งต่อเด็กเข้าสู่มหาวิทยาลัยมีความสมบูรณ์ขึ้น โดยจะพยายามเร่งรัดให้หลักสูตร 7 กลุ่มอาชีพให้เสร็จก่อนเดือนพฤษภาคม 2555

“ได้มอบสภาคณบดีของมหาวิทยาลัยออกข้อสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อในสาขาของตัวเองด้วย และต่อไปในอนาคตจะนำข้อสอบดังกล่าวมาใช้ในการรับตรง ทำให้เด็กสอบครั้งเดียวแต่สามารถนำคะแนนไปยื่นตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ ไม่ต้องวิ่งสอบหลายที่ ซึ่งตรงนี้ผมคาดว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ จะเห็นด้วย และในอนาคตคาดหวังว่า การสอบตรงรูปแบบใหม่นี้จะสามารถผสมผสานกับระบบกลางการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิชชันกลาง ออกมาเป็นระบบการคัดเลือกใหม่ที่มีความเหมาะสมให้แต่ละคณะ/สาขาได้เด็กตรงตามต้องการขณะที่เด็กเองไม่ต้องวิ่งสอบหลายแห่ง ส่วนระบบสอบตรงตามสาขาอาชีพนี้จะเริ่มใช้ได้เมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละสาขาวิชาจะสามารถผลักดันหลักสูตรใหม่ออกมาเร็วขนาดไหน หากเริ่มต้นได้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2555 ก็คาดว่า จะสามารถใช้ในการรับตรงในปีการศึกษา 2556 ได้เลย” นายวรวัจน์ กล่าว

ด้าน รศ.ดร.สัมพันธุ์ กล่าวว่า การจัดสอบวิชาสามัญ 7 วิชาครั้งแรกนี้ ภาพรวมจำนวนผู้มีสิทธิ์สอบแยกตามรายวิชา ดังนี้ ภาษาอังกฤษ 146,263 คน สังคมศึกษา 145,620 คน ภาษาไทย 145,619 คน คณิตศาสตร์ 136,979 คน ชีววิทยา 96,876 คน ฟิสิกส์ 95,798 คน เคมี 95,609 คน โดยมีศูนย์สอบทั้งสิ้น 8 ศูนย์ มีสนามสอบ 113 สนาม ใน 37 จังหวัด ทั้งนี้จะมีการประกาศผลสอบในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555

สำหรับสนามสอบโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ได้จัดสอบ จำนวน 4 รายวิชา โดยวันนี้มีผู้เข้าสอบที่มีอายุมากที่สุด 53 ปี ซึ่งจากการสอบถาม พบว่า เป็นผู้ปกครองที่มาเข้าสอบ เพราะต้องการนำประสบการณ์การสอบไปสอนลูกหลาน ส่วนผู้เข้าสอบที่มีอายุ 23 ปี ขึ้นไป ซึ่งเทียบอายุแล้วเท่ากับผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว โดยส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องดีที่ประชาชนทั่วไปสนใจสอบ เป็นการให้โอกาสคน ทั้งนี้ อาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่อีกครั้ง เช่น ต้องการสอบเรียนแพทย์อีกครั้ง ซึ่ง กสพท.กำหนดให้ต้องสอบวิชาสามัญ 2.กลุ่มผู้ปกครอง ครู ที่ต้องการมาลองข้อสอบ และ 3.กลุ่มโรงเรียนกวดวิชา

รศ.ดร.สัมพันธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการทุจริตการสอบนั้น สทศ.ใช้มาตรการเดียวกับการสอบ GAT/PAT แต่มีการกำชับศูนย์สอบ และสนามสอบ เพิ่มเติม 3 เรื่อง คือ 1.สทศ.ใช้สายรัดกล่องข้อสอบ เพื่อรักษาความปลอดภัยของกล่องข้อสอบให้มากขึ้น โดยสายรัดจะมีตราโลโก้ของ สทศ.โดยเฉพาะ และการเปิดกล่องข้อสอบจะต้องมีพยาน ซึ่งเป็นมาตรการใหม่ในปีนี้ 2.ในแต่ละห้องสอบ กำหนดให้กรรมการคุมสอบ 2 คน คนแรก คุมหน้าห้อง คนที่สอง คุมหลังห้อง จากเดิมไม่ได้กำหนดไว้ 3.กำหนดพื้นที่การจัดโต๊ะสอบให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะแต่ละห้องกำหนดให้สอบห้องละ 30 คน ส่วนโต๊ะเก้าอี้ที่เหลือ ขอให้ย้ายไปวางไว้นอกห้องเรียน
กำลังโหลดความคิดเห็น