สธ.ร่วมมือคาโอ และบ้านอาสาใจดี จัดโครงการ “กู้ชีวิตบ้าน กู้รอยยิ้ม” แจกคู่มือทำความสะอาดบ้าน พร้อมแนะวิธีขจัดเชื้อราควรทำภายใน 48 ชั่วโมง
วันนี้ (8 ธ.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการเป็นประธานเปิดโครงการ “”กู้ชีวิตบ้าน กู้รอยยิ้ม” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สธ.กับ บริษัท คาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อฟื้นฟูและช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมว่า น้ำท่วมครั้งนี้ถือว่าอยู่ในขั้นสาหัส ขณะนี้หลายพื้นที่เข้าสู่ระยะฟื้นฟู โดยทางกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายหลังน้ำลดว่า 1.ต้องไม่เกิดโรคระบาด 2.เร่งฟื้นฟูระบบการรักษาให้กลับมาเป็นปกติ 3.เร่งฟื้นฟูจิตใจของผู้ประสบภัยให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่ายคือ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
“ทางกระทรวงยังมีความห่วงใยเรื่องโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในที่ประสบภัย โดยเฉพาะอันตรายที่มาจากเชื้อโรคที่มากับน้ำ อาทิ เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคไทฟอยด์ ท้องร่วง ตาแดง และเชื้อราที่สามารถแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วถึง 1 กิโลเมตรต่อวัน ดังนั้น หลังน้ำลดทุกบ้านควรทำความสะอาดพื้นและผนังโดยการขัดล้างให้เร็วที่สุดภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อกำจัดเชื้อรา ซึ่งจุดที่มักจะมีเชื้อราขึ้น ได้แก่ ใต้พื้น บริเวณฝ้าเพดาน และใต้วอลเปเปอร์ และเพื่อเป็นการป้องกันเชื้อราเข้าสู่ร่างกาย ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันให้มิดชินเช่นรองเท้าบูต ถุงมือยาง และหน้ากากอนามัย มิเช่นนั้นเจ้าของบ้านอาจจะได้รับอันตรายจากเชื้อโรคแทน ซึ่งเชื้อประเภทนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งระบบทางเดินหายใจและดวงตา” รองปลัด สธ.กล่าว
นายโคโซ ไซโต ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาโอ กล่าวว่า นอกจากความทุกข์ในช่วงเวลาน้ำท่วมที่ประชาชนจำนวนมากต้องเผชิญแล้ว ความเดือดร้อนหลังน้ำท่วมก็มีมากเช่นกัน ทั้งจากคราบสกปรกและเชื้อโรคจากน้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานาน ซึ่งเราเล็งเห็นถึงความสำคัญในส่วนนี้ จึงร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและบ้านอาสาใจดี จัดทำโครงการ “กู้ชีวิต กู้รอยยิ้ม” เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องการทำความสะอาดบ้านอย่างถูกวิธีโดยจัดทำคู่มือแนะนำ วิธีทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลดเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย พร้อมส่งมอบอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดให้แกผู้เดือนร้อน โดยจะเน้นในส่วนของการฟื้นฟูที่ประสบภัยน้ำท่วม
“เพราะบ้านที่ถูกน้ำท่วมขังจะต้องเผชิญกับคราบสกปรกฝังแน่น ทั้งคราบน้ำมัน คราบดินโคลน และคราบสนิม ซึ่งยากต่อการทำความสะอาดทั้งคราบสกปรกเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อราซึ่งสามารถก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ที่คาดไม่ถึงอีกมากมาย รวมถึงกลิ่นอับด้วย ขณะนี้เราได้ลงพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังลงพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียงที่น้ำเริ่มลดลง เช่น อยุธยา ลพบุรี นครปฐม ปทุมธานี และนนทบุรี” นายโคโซ กล่าว
นายโคโซ กล่าวด้วยว่า สำหรับวิธีกำจัดเชื้อแบคทีเรียและคราบต่างๆ นั้นมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ เชื้อแบคทีเรียควรใช้น้ำยาถูพื้นผสมน้ำในอัตราส่วน 1:1 เทราด หรือเช็ดให้ทั่วบริเวณที่ต้องการทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ส่วนเชื้อราโดยเฉพาะที่พื้นคอนกรีต สามารถขจัดได้ด้วยน้ำยาซักผ้าขาว 3 ฝาผสมกับน้ำ 5 ลิตร แล้วขัดออกด้วยแปรงชนิดแข็ง คราบน้ำมันควรใช้กระดาษทิชชูซับความมันเฉพาะจุดก่อน จากนั้นใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับห้องครัวฉีด เพื่อขจัดคราบไขมัน คราบดินโคลน ใช้น้ำอุ่นล้างก่อน เพื่อให้คราบหลุดออกง่ายและถูพื้นด้วยน้ำยาถูพื้น 2 ฝาต่อน้ำ 5 ลิตร เพื่อช่วยขจัดคราบที่เหลืออยู่ คราบสนิม คราบหินปูน คราบดำสะสมและคราบตะไคร่สะสมโดยเฉพาะในห้องน้ำ ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรเข้มข้นเทราดทิ้งไว้ซึ่งจะช่วยขจัดคราบและฆ่าเชื้อโรคได้ 99.9% จากนั้นใช้แปรงขัดให้เกลี้ยงแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด การทำความสะอาดวัสดุพลาสติก กระเบื้อง แก้ว ไม้ ใช้น้ำยาซักผ้าขาว 3 ฝา ผสมน้ำ 5 ลิตร เช็ดวัสดุที่ต้องการทำความสะอาด ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วเช็ดออกอีกครั้งด้วยน้ำเปล่า