ชายไทยกว่า 50% ยอมรับน้องชายไม่ยอมแข็งตัว เหตุเพราะไม่รักษาสุขภาพ ส่งผลให้รสรักไม่สมบูรณ์ แพทย์ชี้ชาวเอเชียยอมรับความแข็งของอวัยวะเพศเต็มที่ คือ ปราถนาสุขของเวลาร่วมรัก ขณะผู้มีปัญหาทางเพศ เริ่มไม่พึงพอใจกับสภาพที่เป็น
วันนี้ (24 พ.ย.) บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด แถลงข่าวผลสำรวจล่าสุดเรื่องความสุขสมแห่งสัมผัสรักในอุดมคติของชาวเอเชีย พบว่า ชายไทย 78% และหญิงไทย 82% เห็นว่าระดับความแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย และความสามารถในการรักษาระดับความแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย คือ ปัจจัยสำคัญสูงสุดสำหรับการนำไปสู่ความสุขสมทางเพศในอุดมคติ เช่นเดียวกับความคิดเห็นโดยรวมของชายและหญิงในเอเชีย ซึ่งชาย 70% ชาย และหญิง 80% ขณะที่ชายไทย 50% ยอมรับว่า ตนเองมีระดับการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายต่ำกว่าเกรด 4 ขณะที่ชายไทยส่วนมากอยู่แค่เกรด 3
รศ.นพ.จอร์จ ลี ศัลยแพทย์ที่ปรึกษาด้านระบบทางเดินปัสสาวะของ รพ.เกลนอีเกิลส์ และมหาวิทยาลัยโมนาช กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ผลการสำรวจความสุขสมแห่งสัมผัสรักในอุดมคติของชายและหญิงในภูมิภาคเอเชีย มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของการนำไปสู่ความสุขสมทางเพศ ซึ่งชาวเอเชียปรารถนา พบว่า การแข็งตัวขององคชาต หรือ EHS (Erection Hardness Score) เกรด คือ หัวใจสำคัญในการทำให้แนวคิดในอุดมคติดังกล่าวเป็นจริง ปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศในระดับไม่เต็มที่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้น ชายที่ประสบภาวะการแข็งตัวไม่เต็มที่ หรือหญิงที่มีคู่รักที่ประสบภาวะดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาแนวทางแก้ไขเพิ่มเติม
“ความแข็งตัวของอวัยวะเพศชายยังเป็นตัวบ่งชี้ถึงสุขภาพ ผู้ชายที่มีอวัยวะเพศแข็งตัวไม่เต็มที่ มักมีโรคประจำตัว หรือการเจ็บป่วยเรื้อรัง อาทิ โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคตับ โรคหลอดเลือดในสมอง และมักจะใช้วันลาป่วยมากกว่าผู้ชายที่มีอวัยวะเพศแข็งระดับเต็มที่ ฉะนั้น อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศจึงไม่เพียงเป็นปัญหากระทบต่อชีวิตคู่เท่านั้นแต่อาจเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงปัญหาสุขภาพที่ควรให้ความใส่ใจดูแล” รศ.นพ.จอร์จ กล่าว
ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทางเพศและสูตินรีแพทย์ของไทย กล่าวว่า ผลการสำรวจพบว่า 60% ของชายไทยที่มีอวัยวะเพศระดับแข็งตัวเต็มที่ จะรู้สึกมั่นใจและภูมิใจในตนเองในระดับสูงหรือสูงมาก และมีเพียง 10% ของชายไทยทีีมีอวัยวะเพศระดับแข็งตัวไม่เต็มที่ มีความรู้สึกลักษณะดังกล่าว ผู้ชายที่มีอวัยวะเพศระดับแข็งตัวไม่เต็มที่มีความไม่สบายใจในการเริ่มต้นสนทนากับหมอเกี่ยวกับปัญหาภาวะการแข็งตัวขององคชาตมากกว่าผู้ชายที่มีอวัยวะเพศระดับแข็งตัวเต็มที่
“จากผลการสำรวจดังกล่าว แพทย์รวมทั้งฝ่ายหญิง หรือคู่รักควรเป็นคนเริ่มบทสนทนาถึงปัญหาภาวะอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เพื่อช่วยให้สามี หรือคู่รักเข้าใจปัญหาดังกล่าวว่ามีทางแก้ไขและไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งการเพิ่มระดับความแข็งตัวของอวัยวะเพศจะช่วยเพิ่มรสรักได้มากขึ้น รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ และความภาคภูมิใจในตนเองให้กับฝ่ายชายได้อีกด้วย นอกจากนี้ การฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศจะนำไปสู่ความสุขสมทางเพศที่ปรารถนาได้ แต่ผู้ชายส่วนใหญ่มักเขินอายที่จะปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาการนี้ ดังนั้นผู้หญิงจึงมีบทบาทสำคัญที่จะชักจูงให้สามีไปปรึกษาแพทย์ เพราะหากปล่อยไว้นานอาจจะส่งผลเสียต่อสายสัมพันธ์ระหว่างกันและกันได้” ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ในปี 2551 ได้มีการสำรวจอุบัติการณ์ของอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในประเทศไทย โดยทำการสำรวจชายไทยอายุ 40-70 ปี จำนวน 2,269 คน พบว่า ชายไทยมีอุบัติการณ์การเกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศสูงถึง 42.18% เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งแรกในปี 2543 ซึ่งมีจำนวน 37.5% ในขณะที่ทั่วโลก สำรวจเมื่อปี 2538 มีอุบัติการณ์ของอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของชายอายุ 40-80 ปี อยู่ระหว่าง 18-28% หรือประมาณ 152 ล้านคน และคาดว่าภายในปี 2568 จะมีผู้ชายที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศประมาณ 322 ล้านคน
อนึ่งระดับการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 เกรด ดังนี้ เกรด 1 (EHS 1) คือ การที่อวัยวะเพศตื่นตัว ขยายขนาดพองขึ้นแต่ไม่แข็ง เกรด 2 (EHS 2) คือ การที่อวัยวะเพศแข็งตัว แต่ไม่เพียงพอที่จะสอดใส่เพื่อมีเพศสัมพันธ์เกรด 3 (EHS 3) คือ การที่อวัยวะเพศแข้งตัวไม่เต็มที่ แต่เพียงพอที่จะสอดใส่ได้ เกรด 4 (EHS 4) คือ การที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ ทำให้สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีความสุขทั้งสองฝ่าย