เครือข่ายเฟซบุ๊กชาวนนท์ขอบคุณผู้ว่าฯ กทม.ยอมเปิดประตูระบายน้ำ 1 เมตร “สุขุมพันธุ์” ใจป้ำยกเครื่องสูบน้ำที่ญี่ปุ่นจะนำมาช่วยระบายกทม.ให้ไปช่วยระบายให้ชาวนนท์ พร้อมตั้งโรงครัวเคลื่อนที่ เผย แก้น้ำท่วมนนท์-ปทุมธานีระยะยาวต้องสร้างเขื่อนกันน้ำถาวรทั้ง 2 ฝั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เวลาประมาณ 12.40 น.ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดนนทบุรีที่รวมตัวกันในเฟซบุ๊ก ในนามกลุ่ม “เอาน้ำออกไปจากนนทบุรีโดยเร็วที่สุดอย่างเป็นรูปธรรม” ซึ่งมีสมาชิกกว่า 4,900 คน นำโดยนางสาวศิริขวัญ นิลกรรณ์ และนายพจน์ อัศวสันติชัย และคณะรวมจำนวน 8 คน ได้เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อขอบคุณที่ กทม.และพี่น้องประชาชนชาว กทม.ที่ยอมเปิดประตูระบายน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์ ในระดับความสูง 1 เมตร ตามข้อเรียกร้องของชาวนนทบุรี อย่างไรก็ตาม ในการเปิดกว้าง หรือลดระดับประตูระบายน้ำตามสิทธิ์ที่ กทม.ขอสงวนไว้นั้นขอให้ กทม.แจ้งให้จังหวัดนนบุรีรับทราบถึงการปรับลดระดับดังกล่าว และแนวทางในการดำเนินการ รวมถึงระยเวลาในการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้สามารถกลับมาเปิดประตูระบายน้ำที่ระดับ 1 เมตร ได้ตามเดิม แต่หากมีการกระทำใดๆ ที่ส่อแสดงไปในทางที่จะทำให้เห็นชัดเจนว่า กทม.ไม่จริงใจจะร่วมแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวนนทบุรี เช่น การปรับลดระดับประตูระบายน้ำโดยไม่บอกกล่าวให้ทราบทางกลุ่มจะเคลื่อนไหวตามแนวทางของกลุ่มต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริหารจัดการการระบายน้ำของ กทม.จึงขอความร่วมมือจาก กทม.ให้ช่วยดำเนินการเร่งระบายน้ำในพื้นที่ตอนกลางและตอนล่างของกทม.อันจะมีผลเป็นการช่วยเหลือการระบายน้ำของจังหวัดนนทบุรีโดยตรงต่อไป
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า จรงิๆ แล้วตนเองควรที่จะเป็นฝ่ายไปพบชาวนนทุบรีมากกว่าที่พวกท่านจะเดินทางมาพยตนเองในครั้งนี้ ซึ่งก็ขอขอบคุณในความร่วมมือ และ กทม.เองก็มีความห่วงใยในชาวนนทบุรี และปทุมธานี แต่ในฐานะที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็ต้องปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่และคำสั่งของ ศปภ.ในการดูแลพี่น้องประชาชนชาว กทม.อย่างไรก็ตาม ตนเองดีใจที่ผลตอบรับออกมาเป็นเช่นนี้ และอยากแจ้งให้ทุกท่านทราบ การปรับระดับประตูระบายน้ำที่คลองมหาสวัสดิ์อาจไม่ได้เป็นการหรี่ประตูระบายน้ำด้วยซ้ำ ทั้งนี้ ด้วยความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องชาวนนทบุรีตนเองได้ขอให้ท่านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายเซอิจิ โคะจิมะ ซึ่งวันนี้ได้เดินทางมาหารือกับตนในเรื่องเครื่องสูบน้ำที่ญี่ปุ่นนำเข้ามาช่วยเหลือประเทศไทย และขณะนี้กำลังปฏิบัติงานอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีหน่วยเคลื่อนที่ในการสูบน้ำจำนวน 3 หน่วยด้วยกัน ซึ่งท่านเอกอัครราชทูตได้เสนอที่จะช่วยสูบน้ำในพื้นที่ กทม.แต่ตนเองได้ขอให้ท่านเอกอัครราชทูตนำไปช่วยเหลือชาวนนทบุรี ซึ่งจะได้มีการประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ ตนเองมีความประสงค์ที่จะตั้งครัวเคลื่อนที่ให้กับชาวนนทบุรีอีกด้วย
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะยาวนั้น บริเวณคลองมหาสวัสดิ์จะต้องมีการสร้างเขื่อนกันน้ำถาวรทั้ง 2 ด้าน และมีการสร้างระบบระบายน้ำของพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ไม่ใช่สร้างเฉพาะฝั่ง กทม.เท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้ฝั่งตรงข้ามได้รับความเดือดร้อน ซึ่งตนเองได้เคยพูดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ในปี 2552 แล้ว หรือแม้แต่คลองหกวาสายล่างที่จะต้องสร้างแนวเขื่อนกั้นน้ำในฝั่งปทุมธานีโดยตลอดแนวเขื่อนกั้นน้ำที่จะสร้างนั้นอาจจะทำให้เป็นทางเดินที่สวยงามริมคลองอีกด้วย
ด้านนายพจน์ กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ กทม.เข้าใจความเดือดร้อนของชาวนนทบุรีที่กำลังเผชิญอยู่ การที่เราออกมาเรียกร้องนั้นไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และขณะนี้สถานการณ์น้ำในภาพรวมของนนทบุรีดีขึ้นตามลำดับเนื่องจากระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ ส่วนความขัดแย้งก็เป็นเรื่องของประชาชนในพื้นที่เนื่องจากจมน้ำมานานก็ย่อมมีอารมณ์บางบ้านต้องพลัดพรากแยกกันอยู่ ทรัพย์สินเสียหายเนื่องจากไม่มีระบบการแจ้งเตือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เวลาประมาณ 12.40 น.ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดนนทบุรีที่รวมตัวกันในเฟซบุ๊ก ในนามกลุ่ม “เอาน้ำออกไปจากนนทบุรีโดยเร็วที่สุดอย่างเป็นรูปธรรม” ซึ่งมีสมาชิกกว่า 4,900 คน นำโดยนางสาวศิริขวัญ นิลกรรณ์ และนายพจน์ อัศวสันติชัย และคณะรวมจำนวน 8 คน ได้เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อขอบคุณที่ กทม.และพี่น้องประชาชนชาว กทม.ที่ยอมเปิดประตูระบายน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์ ในระดับความสูง 1 เมตร ตามข้อเรียกร้องของชาวนนทบุรี อย่างไรก็ตาม ในการเปิดกว้าง หรือลดระดับประตูระบายน้ำตามสิทธิ์ที่ กทม.ขอสงวนไว้นั้นขอให้ กทม.แจ้งให้จังหวัดนนบุรีรับทราบถึงการปรับลดระดับดังกล่าว และแนวทางในการดำเนินการ รวมถึงระยเวลาในการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้สามารถกลับมาเปิดประตูระบายน้ำที่ระดับ 1 เมตร ได้ตามเดิม แต่หากมีการกระทำใดๆ ที่ส่อแสดงไปในทางที่จะทำให้เห็นชัดเจนว่า กทม.ไม่จริงใจจะร่วมแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวนนทบุรี เช่น การปรับลดระดับประตูระบายน้ำโดยไม่บอกกล่าวให้ทราบทางกลุ่มจะเคลื่อนไหวตามแนวทางของกลุ่มต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริหารจัดการการระบายน้ำของ กทม.จึงขอความร่วมมือจาก กทม.ให้ช่วยดำเนินการเร่งระบายน้ำในพื้นที่ตอนกลางและตอนล่างของกทม.อันจะมีผลเป็นการช่วยเหลือการระบายน้ำของจังหวัดนนทบุรีโดยตรงต่อไป
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า จรงิๆ แล้วตนเองควรที่จะเป็นฝ่ายไปพบชาวนนทุบรีมากกว่าที่พวกท่านจะเดินทางมาพยตนเองในครั้งนี้ ซึ่งก็ขอขอบคุณในความร่วมมือ และ กทม.เองก็มีความห่วงใยในชาวนนทบุรี และปทุมธานี แต่ในฐานะที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็ต้องปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่และคำสั่งของ ศปภ.ในการดูแลพี่น้องประชาชนชาว กทม.อย่างไรก็ตาม ตนเองดีใจที่ผลตอบรับออกมาเป็นเช่นนี้ และอยากแจ้งให้ทุกท่านทราบ การปรับระดับประตูระบายน้ำที่คลองมหาสวัสดิ์อาจไม่ได้เป็นการหรี่ประตูระบายน้ำด้วยซ้ำ ทั้งนี้ ด้วยความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องชาวนนทบุรีตนเองได้ขอให้ท่านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายเซอิจิ โคะจิมะ ซึ่งวันนี้ได้เดินทางมาหารือกับตนในเรื่องเครื่องสูบน้ำที่ญี่ปุ่นนำเข้ามาช่วยเหลือประเทศไทย และขณะนี้กำลังปฏิบัติงานอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีหน่วยเคลื่อนที่ในการสูบน้ำจำนวน 3 หน่วยด้วยกัน ซึ่งท่านเอกอัครราชทูตได้เสนอที่จะช่วยสูบน้ำในพื้นที่ กทม.แต่ตนเองได้ขอให้ท่านเอกอัครราชทูตนำไปช่วยเหลือชาวนนทบุรี ซึ่งจะได้มีการประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ ตนเองมีความประสงค์ที่จะตั้งครัวเคลื่อนที่ให้กับชาวนนทบุรีอีกด้วย
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะยาวนั้น บริเวณคลองมหาสวัสดิ์จะต้องมีการสร้างเขื่อนกันน้ำถาวรทั้ง 2 ด้าน และมีการสร้างระบบระบายน้ำของพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ไม่ใช่สร้างเฉพาะฝั่ง กทม.เท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้ฝั่งตรงข้ามได้รับความเดือดร้อน ซึ่งตนเองได้เคยพูดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ในปี 2552 แล้ว หรือแม้แต่คลองหกวาสายล่างที่จะต้องสร้างแนวเขื่อนกั้นน้ำในฝั่งปทุมธานีโดยตลอดแนวเขื่อนกั้นน้ำที่จะสร้างนั้นอาจจะทำให้เป็นทางเดินที่สวยงามริมคลองอีกด้วย
ด้านนายพจน์ กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ กทม.เข้าใจความเดือดร้อนของชาวนนทบุรีที่กำลังเผชิญอยู่ การที่เราออกมาเรียกร้องนั้นไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และขณะนี้สถานการณ์น้ำในภาพรวมของนนทบุรีดีขึ้นตามลำดับเนื่องจากระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ ส่วนความขัดแย้งก็เป็นเรื่องของประชาชนในพื้นที่เนื่องจากจมน้ำมานานก็ย่อมมีอารมณ์บางบ้านต้องพลัดพรากแยกกันอยู่ ทรัพย์สินเสียหายเนื่องจากไม่มีระบบการแจ้งเตือน
