ผอ.สถาบันผิวหนัง เตือนใส่รองเท้าบูตนานทำเท้าอับชื้น เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย แนะพักเท้ากันความเสี่ยง หลังพบช่วงน้ำท่วมมีผู้ป่วยผื่นคัน เข้ารักษาตัววันละ 20 ราย
นพ.จิโรจ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ในระหว่างเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ สถาบันผิวหนังได้เปิดให้บริการประชาชนตามปกติ ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งพบว่ามีประชาชนป่วยด้วยอาการผื่นแพ้ ผื่นคัน ตามง่ามมือ ง่ามเท้า กันมากขึ้นโดยเข้ารักษาที่สถาบันจำนวนกว่าวันละ 20 ราย โดยส่วนมากเกิดจาการแพ้สิงปฏิกูล และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยกรณีที่หนักสุดเป็นผิวหนังอักเสบ ซึ่งเกิดจากดูดซับความชื้นเป็นเวลานานทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการทายา แต่บางรายมีบาดแผลเป็นแผลเปิดวงกว้างก็ต้องกินยาแก้อักเสบด้วย ซึ่งจากจำนวนผู้ป่วยใน 100 กว่ารายที่มารักษา พบแค่ 1 รายมีอาการติดเชื้อรา จึงไม่ถือว่ามีการระบาดเกี่ยวกับโรคติดเชื้อทางผิวหนังที่รุนแรง ซึ่งแทพย์จะสั่งยาแก้ผื่นคันให้และอาการผิวหนังติดเชื้อราจะหายไปในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
นพ.จิโรจ กล่าวต่อว่า ในสภาวะเช่นนี้การสวมใส่รองเท้าบูตนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรสวมใส่ตลอดเวลา เนื่องจากรองเท้าบูทจะเก็บความอับชื้นทำให้เท้าแฉะ เสี่ยงต่อการเกิดผื่นคันได้ง่ายเช่นกัน ซึ่งไม่ต่างจากการเดินลุยน้ำสกปรก หรือแช่เท้าในน้ำนานๆ ดังนั้น ถ้าน้ำไม่สกปรกมากและมีสถานการณ์การท่วมแค่บางช่วง แนะนำให้ถอดรองเท้าบูตออก
“หากมีการดูแลร่างกายที่ดี และหลีกเลี่ยงสิ่งปฏิกูลในน้ำก็สามารถป้องกัน อาการผื่นคันได้แล้ว ดังนั้นขอให้ประชาชนเฝ้าระวังตัวเองให้มาก และพยายามแยกภาชนะ หรือเครื่องใช้ไว้ในที่ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการละลายรวมกับน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน แต่กรณีมีน้ำระบายตลอดเวลาก็ไม่ถือว่าอันตราย” นพ.จิโรจกล่าว
นพ.จิโรจ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ในระหว่างเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ สถาบันผิวหนังได้เปิดให้บริการประชาชนตามปกติ ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งพบว่ามีประชาชนป่วยด้วยอาการผื่นแพ้ ผื่นคัน ตามง่ามมือ ง่ามเท้า กันมากขึ้นโดยเข้ารักษาที่สถาบันจำนวนกว่าวันละ 20 ราย โดยส่วนมากเกิดจาการแพ้สิงปฏิกูล และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยกรณีที่หนักสุดเป็นผิวหนังอักเสบ ซึ่งเกิดจากดูดซับความชื้นเป็นเวลานานทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการทายา แต่บางรายมีบาดแผลเป็นแผลเปิดวงกว้างก็ต้องกินยาแก้อักเสบด้วย ซึ่งจากจำนวนผู้ป่วยใน 100 กว่ารายที่มารักษา พบแค่ 1 รายมีอาการติดเชื้อรา จึงไม่ถือว่ามีการระบาดเกี่ยวกับโรคติดเชื้อทางผิวหนังที่รุนแรง ซึ่งแทพย์จะสั่งยาแก้ผื่นคันให้และอาการผิวหนังติดเชื้อราจะหายไปในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
นพ.จิโรจ กล่าวต่อว่า ในสภาวะเช่นนี้การสวมใส่รองเท้าบูตนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรสวมใส่ตลอดเวลา เนื่องจากรองเท้าบูทจะเก็บความอับชื้นทำให้เท้าแฉะ เสี่ยงต่อการเกิดผื่นคันได้ง่ายเช่นกัน ซึ่งไม่ต่างจากการเดินลุยน้ำสกปรก หรือแช่เท้าในน้ำนานๆ ดังนั้น ถ้าน้ำไม่สกปรกมากและมีสถานการณ์การท่วมแค่บางช่วง แนะนำให้ถอดรองเท้าบูตออก
“หากมีการดูแลร่างกายที่ดี และหลีกเลี่ยงสิ่งปฏิกูลในน้ำก็สามารถป้องกัน อาการผื่นคันได้แล้ว ดังนั้นขอให้ประชาชนเฝ้าระวังตัวเองให้มาก และพยายามแยกภาชนะ หรือเครื่องใช้ไว้ในที่ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการละลายรวมกับน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน แต่กรณีมีน้ำระบายตลอดเวลาก็ไม่ถือว่าอันตราย” นพ.จิโรจกล่าว