สธ.ระดมแพทย์ -พยาบาล จาก 16 จังหวัด ช่วยกู้วิกฤตน้ำท่วม 5 จังหวัด พร้อม รพ.สนามดูแลผู้ประสบภัยตามจุดพักพิง ตลอด 24 ชั่วโมง และควบคุมมาตรฐานน้ำดื่มน้ำใช้ในจุดพักพิง ต้องมีคลอรีนตกค้าง 0.5-1 พีพีเอ็ม
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ 27 จังหวัด ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มีสถานบริการสาธารณสุขถูกน้ำท่วมทั้งหมด 463 แห่ง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประมาณร้อยละ 20-30 บ้านถูกน้ำท่วมด้วย แต่ทุกคนก็ยังทุ่มเทเสียสละปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยซึ่งน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมซึ่งมีนับล้านคน กระทรวงสาธารณสุขได้ระดมหน่วยแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่จากจังหวัดที่ไม่ถูกน้ำท่วมหรือท่วมน้อย จำนวน 16 จังหวัดในภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก และใต้ ไปช่วยเหลือพื้นที่ที่น้ำท่วม เน้นหนักที่ 5 จังหวัด ซึ่งจัดว่าหนักที่สุด ได้แก่ นครสวรรค์ ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และ นนทบุรี เพื่อกระจายบริการประชาชนให้ทั่วถึงทุกหลังคาเรือน โดยเฉพาะในพื้นที่ปทุมธานี และ นนทบุรี ซึ่งมีชุมชนและมีหมู่บ้านจัดสรรจำนวนมาก โดยจัดใน 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการตรวจรักษาผู้เจ็บป่วย แจกยาสามัญประจำบ้าน ยาผู้ป่วยเรื้อรังตามชุมชนหมู่บ้านซึ่งมีวันละกว่า 100 ทีม 2.ทีมแพทย์เฉพาะทางดูแลรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล ในกรณีที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ถูกน้ำท่วม ต้องงดบริการชั่วคราว ขณะนี้มี 3 แห่งที่นครสวรรค์และพระนครศรีอยุธยา และ 3.การตั้งโรงพยาบาลสนามในจุดพักพิง ซึ่งขณะนี้ดำเนินการแล้ว 25 แห่ง บริการตลอด 24 ชั่วโมง หากประชาชนในพื้นที่ใดที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถโทร.ขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 1669 และหากมีปัญหาเครียด วิตกกังวล สามารถโทรของรับคำปรึกษาได้ที่หมายเลข 1323 และ 1667 ตลอด 24 ชั่วโมง
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสธ.กล่าวว่า นอกจากนี้ ควบคุมป้องกันโรคระบาด รวมทั้งปัญหาความเครียดของประชาชนในจุดพักพิง โดยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลทุกแห่ง และมีการตรวจเฝ้าระวังคุณภาพน้ำดื่มน้ำใช้ภายในจุดพักพิง เพื่อป้องกันโรคที่ติดต่อทางอาหารและน้ำดื่ม ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในช่วงน้ำท่วม หรือเกิดภัยพิบัติ โดยกำหนดให้มีคลอรีนตกค้างในน้ำไม่ต่ำกว่า 0.5-1.0 พีพีเอ็ม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ดูแลมาตรฐานจุดเตรียม จุดประกอบอาหารร้อน ต้องอยู่บนโต๊ะสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร และอยู่ห่างจากส้วมไม่น้อยกว่า 20 เมตร กำจัดขยะทั้งขยะเปียก ขยะที่ลอยในน้ำ รณรงค์ให้ประชาชนล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือทุกครั้งก่อนกินอาหาร หลังใช้ส้วมหรือหยิบจับของสกปรก