สพฐ.แบ่งกลุ่มเขตพื้นที่ได้รับเดือดร้อนจากน้ำท่วม 3 ระดับ พร้อมจัดสรรงบช่วยเหลือตามความเดือดร้อนเพื่อนำไปซ่อมแซม ร.ร.เพื่อให้สามารถทำการเปิดสอนได้ปกติ
วันนี้ (20 ก.ย.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ได้รับรายงานจำนวนโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยประมาณ 2,000 กว่าโรง ใน 55 จังหวัด 154 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,045 ล้านบาท โดยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ได้ให้ใช้วิธีการจัดสรรงบประมาณไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดๆ ละ 100 ล้าน
“สาเหตุที่ใช้วิธีการจัดสรรงบประมาณไปโดยตรงที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแทนการจัดสรรไปยัง สพท.ต่างๆ เช่นที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้งบประมาณกลางของรัฐบาลมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น จึงต้องใช้ดังกล่าวแทน ซึ่งแต่ละจังหวัดอาจจะได้รับงบประมาณไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความเสียหายของแต่ละพื้นที่ เพราะฉะนั้นต่อไป สพท.จะต้องทำแผนเสนอมาเพื่อของบประมาณมายังคณะกรรมการภัยพิบัติระดับจังหวัดพิจารณาต่อไป” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า ในส่วนของ สพฐ.ก็ได้ดูแลช่วยเหลือ สพท.ที่ได้รับความเดือดร้อนเร่งด่วน โดยได้จัดสรรงบประมาณลงไปเยียวยาเขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 130 เขตพื้นที่การศึกษาเพื่อนำไปซ่อมแซมโรงเรียนให้สามารถเปิดทำการเรียนการสอน โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1.เขตพื้นที่ที่รับผลกระทบไม่รุนแรง จำนวน 63 เขตพื้นที่การศึกษา จัดสรรงบประมาณให้จำนวนเขตพื้นที่ละ 300,000 บาท 2.เขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบระดับปานกลาง จำนวน 28 เขต จัดสรรงบประมาณให้ 500,000 บาท และ3.เขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในระดับรุนแรง จำนวน 39 เขตพื้นที่การศึกษา แบ่งเป็นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 28 เขต สำนักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา (สพม.) 11 เขต จัดสรรงบประมาณให้เขตพื้นที่ละ 700,000 บาท ส่วนเขตพื้นที่การศึกษาที่เหลือจะใช้งบประมาณจากรัฐบาลจัดส่งให้ต่อไป
“ส่วนปัญหาเรื่องการเรียนการสอนเป็นเรื่องที่แต่ละโรงเรียนจะต้องลงไปดูแล ทั้งจัดสอนชดเชยชั่วโมงเรียนที่ขาดไปซึ่งคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะอยู่ในช่วงของภาคเรียนที่ 1 และยังไม่มีการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต)” นายชินภัทร กล่าว
