เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย จี้รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” เร่งแก้ปัญหาคนไร้บ้าน ชี้ เป็นปัญหาระดับชาติต้องเร่งแก้ไข ชม กทม.มาถูกทาง ด้าน “สุขุมพันธุ์” วอนทุกภาคส่วนช่วยแก้ไข
วันนี้ (15 ก.ย.) เวลา 16.00 น.ที่ท้องสนามหลวง ได้มีการจัดสวนาเรื่องแนวทางแก้ปัญหาคนเร่ร่อนไร้บ้าน โดยมีม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ และนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กทม. พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว พร้อมด้วยนางสาวนพวรรณ พรหมศรี เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย ร่วมเสวนา
ทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนจะต้องทำให้เขามีชีวิตที่มั่นคงกว่าเดิม ไม่ใช่การมีเงินแต่หมายถึงการที่เขาจะได้รับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กลับคืนมา แต่การแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อน ถ้าเราใช้มาตรการเด็ดขากนั้นไม่ยาก แต่ กทม.ใช้ความสมัครใจมันยาก แต่อย่างไรก็ดี เมื่อพระพยอมเข้ามาให้ความช่วยเหลือก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ทั้งนี้ กทม.กำลังจะดำเนินการปรับปรุงประปาแม้นศรีให้เป็นบ้านพักอุ่นอิ่ม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน จะแล้วเสร็จเพื่อใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว มีการฝึกอาชีพ ตรวจโรค มีการคัดกรองก่อนที่จะส่งต่อไปยังวัดสวนแก้วของพระพยอม อย่างไรก็ตาม การจะแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนนั้นต้องร่วมมือกับหน่วยงานอื่นโดยเฉพาะหน่วยงาน พัฒนาสังคม ท้องสนามหลวงเป็นสาธารณสมบัติ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแล ไม่งั้นจะกลับไปสู่สภาพเดิม อยากให้หน่วยงาน ชุมชน ที่อยู่โดยรอบสนามหลวง ร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันดูแล ซึ่งต้องดำเนินการอย่างละเอียดอ่อน คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนได้เต็มร้อยในสังคมประชาธิปไตย ในประเทศอื่นๆ เช่น อเมริกา ก็มีปัญหาคนเร่ร่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารผ่านศึก การพัฒนาประเทศ ความร่ำรวยของประเทศ ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของการแก้ปัญหานี้
พระพยอม กล่าวว่า ตอนนี้ทางมูลนิธิสวนแก้วสามารถรับคนเร่ร่อนเข้าไปอยู่ได้ไม่ต่ำกว่า 500 คนใน 9 สาขา บนพื้นที่ 1,600 ไร่ ซึ่งแต่ละสาขาจะมีอาชีพให้ทุกคน สามารถสร้างรายได้โดยปัจจุบันนี้ทางมูลนิธิจ่ายค่าแรงให้กับผู้ที่มาพักพิงรวมเดือนละ 5 ล้านบาท สำหรับคนเร่ร่อนที่จะไปใช้กับเราจะได้รับค่าตอบแทนวันละ 100-150 บาท ขึ้นอยู่กับงาน ซึ่งจะมีทั้งการทำเกษตรกรรม เพาะปลูก แปรรูปผลิตผลทางการเกษตร หมักปุ๋ยธรรมชาติ และงานอุตสาหกรรม ช่างไม้ ช่างซ่อมเฟอร์นิเจอร์ วิทยุ โทรทัศน์ เป็นต้น นอกจากนี้ ทางมูลนิธิยังมีโรงคัดแยกขยะที่ทำรายได้ถึงปีละ 70 ล้านบาทอีกด้วย โดยเบื้องต้น จะให้ กทม.จัดส่งคนเร่ร่อนจำนวน 100 คน เข้ามาอยู่ที่สาขากบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้เป็นแห่งแรก อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิสวนแก้วจะไม่รับคน 3 ขี้ คือ ขี้เหล้า ขี้ขโมย ขี้เกียจ มีรายได้ให้ทุกคนที่อยู่ในแต่ละสาขา
นางสาวนพวรรณ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนนั้นจะต้องทำให้เขารู้สึกว่าเขามีศักดิ์ศรีสามารถยืน อยู่ได้ด้วยตนเอง แม้ว่าจะดูว่าเขายากจนแต่งตัวสกปรกแต่เขาก็เป็นคนๆ หนึ่งที่มีศักดิ์ศรีซึ่งหากภาครัฐดำเนินมาตรการแบบเดิมๆ ก็จะทำให้เขาปฏิเสธและถอยห่างไปซึ่งวิธีการที่กทม.ดำเนินการอยู่นั้นเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องแล้วนั้นคือการใช้ความสมัครใจ
“หลักๆ คนเร่ร่อนเกิดจากปัญหาโครงสร้างความยากจน ทำให้คนอพยพออกจากบ้าน และปัญหาด้านสังคม ปัญหาครอบครัวเปราะบางซ้อนทับ คนพิการ คนติดเชื้อ HIV ครอบครัวไม่ยอมรับ คนเหล่านี้มีปัญหาซ้อนทับ ปมในชีวิตเยอะ หลุดออกจากครอบครัวมาเดี่ยวๆ ส่งกลับไปให้พี่น้องก็ไม่กลับ บางส่วนเป็นผู้สูงอายุ อึดอัดแล้วออกมาใช้ชีวิตด้านนอก ครอบครัวและชุมชนในปัจจุบันก็ไม่สามารถรองรับปัญหาครอบครัวเหล่านี้ได้ การที่จะสร้างความหวัง ความมั่นใจให้คนเหล่านี้จึงต้องใช้เวลา เพราะบางคนใช้ชีวิตเร่ร่อนมายาวนาน อนาคตของคนเหล่านี้ต้องมีความหวัง ต้องฟื้นชีวิต หลายๆ ฝ่ายต้องช่วยกัน”
เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย กล่าวด้วยว่า ปัญหาคนเร่ร่อนถือเป็นปัญหาระดับประเทศรัฐบาลจะต้องมีนโยบายแก้ไขในเรื่องนี้ ตอนนี้รัฐบาลและขณะนี้รัฐบาลก็มีบ้านเอื้ออาทร มีนโยบายบ้านหลังแรก แต่ยกเว้นเรื่องคนไร้บ้าน ดังนั้น ควรจะมีนโยบายกลุ่มนี้ด้วย ถึงแม้ตัวเลขที่ค้นพบจะน้อย แต่นี่เป็นปัญหาใหญ่ เพราะนี่คือสิทธิจั้นพื้นฐาน ควรมีนโยบายแก้ปัญหาที่ชัดเจน ซึ่งได้เสนอแนวทางในการนำเสนอไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ซึ่งต้องผลักดันต่อไป
ขณะที่ นายธีระชน กล่าวว่า มูลพัฒนาที่อยู่อาศัยและพระพยอมทั้ง 2 นี้ จะเป็นกลไกของความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อน อย่างไรก็ตาม กทม.ได้ เปิดบัญชีกองทุนช่วยเหลือคนเร่ร่อน เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือคนเร่ร่อนได้มีคุณภาพ ชีวิตที่ดีขึ้นในชื่อบัญชี “ช่วยเหลือคนเร่ร่อน” ธนาคารกรุงไทย สาขาศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร บัญชีเลขที่ 088-0-05393-3 โดยตั้งเป้าจะให้ได้ 10 ล้านบาทก่อนวันที่ 5 ธ.ค.2554 หลังจากนั้นจะนำส่งมอบให้ยังมูลนิธิสวนแก้วต่อไป