กทม.คาดปริมาณน้ำลงสู่เจ้าพระยา 1,760 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเข้าสู่กรุงเทพฯ 10 ส.ค.นี้ จัดเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมระบายน้ำ ให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกประชาชนหากเกิดน้ำท่วม ตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (2 ส.ค.) นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับปริมาณน้ำเหนือและน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากผลกระทบของพายุดีเปรสชันนกเตน คาดว่าน้ำจะไหลเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ประมาณวันที่ 10 ส.ค. 2554 และปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ที่ 1,760 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถือเป็นปริมาณที่ยังสามารถรับมือได้ เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีแนวเขื่อนกั้นน้ำสูงประมาณ 2.50-3.00 เมตร สามารถรับมือกับปริมาณน้ำได้ ยังไม่ต้องเพิ่มความสูงของแนวกั้นน้ำอีก 30-50 เมตร เพราะกทม.มีสถานีสูบน้ำ แก้มลิง อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ รวมถึงศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมฝั่งธนบุรีที่เพิ่มอีก 1 แห่ง แต่อย่างไรก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมรับมือและป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์การปฏิบัติงาน เวชภัณฑ์ ยารักษาโรค พร้อมทั้งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง เข้าดูแลในพื้นที่ เช่น ขุดลอกคู คลอง การเตรียมยกพื้น เตรียมไม้ทำสะพาน กระสอบทราย และสถานที่พักชั่วคราวกรณีประชาชนต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของหนีน้ำ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่จากหน่วยเบสท์กว่า 700 นาย คอยอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนหากเกิดเหตุน้ำท่วมขึ้น
ทั้งนี้ รู้สึกเป็นห่วงชุมชนริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณที่ยังไม่สามารถดำเนินการสร้างแนวคันกั้นน้ำที่เหลืออีก 4.7 กิโลเมตร เนื่องจากมีประชาชนบางส่วนไม่ยอมรื้อย้ายออกจากพื้นที่และไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่ง กทม.จะเร่งเจรจาทำความเข้าใจต่อไปเพื่อให้สามารถก่อสร้างส่วนที่เหลือให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การป้องกันและลดปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
วันนี้ (2 ส.ค.) นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับปริมาณน้ำเหนือและน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากผลกระทบของพายุดีเปรสชันนกเตน คาดว่าน้ำจะไหลเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ประมาณวันที่ 10 ส.ค. 2554 และปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ที่ 1,760 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถือเป็นปริมาณที่ยังสามารถรับมือได้ เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีแนวเขื่อนกั้นน้ำสูงประมาณ 2.50-3.00 เมตร สามารถรับมือกับปริมาณน้ำได้ ยังไม่ต้องเพิ่มความสูงของแนวกั้นน้ำอีก 30-50 เมตร เพราะกทม.มีสถานีสูบน้ำ แก้มลิง อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ รวมถึงศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมฝั่งธนบุรีที่เพิ่มอีก 1 แห่ง แต่อย่างไรก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมรับมือและป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์การปฏิบัติงาน เวชภัณฑ์ ยารักษาโรค พร้อมทั้งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง เข้าดูแลในพื้นที่ เช่น ขุดลอกคู คลอง การเตรียมยกพื้น เตรียมไม้ทำสะพาน กระสอบทราย และสถานที่พักชั่วคราวกรณีประชาชนต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของหนีน้ำ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่จากหน่วยเบสท์กว่า 700 นาย คอยอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนหากเกิดเหตุน้ำท่วมขึ้น
ทั้งนี้ รู้สึกเป็นห่วงชุมชนริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณที่ยังไม่สามารถดำเนินการสร้างแนวคันกั้นน้ำที่เหลืออีก 4.7 กิโลเมตร เนื่องจากมีประชาชนบางส่วนไม่ยอมรื้อย้ายออกจากพื้นที่และไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่ง กทม.จะเร่งเจรจาทำความเข้าใจต่อไปเพื่อให้สามารถก่อสร้างส่วนที่เหลือให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การป้องกันและลดปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
