สธ.ร่วมกับสภาสตรีในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมประชาสัมพันธ์ จัดสัมมนาบทบาทของสตรีไทยในการส่งเสริมและดูแลสุขภาพ ตามโครงการ “สตรีไทย ห่วงใยสุขภาพเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554” ณ หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์
วันนี้ (30 ส.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนา ว่า เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดทำโครงการสตรีไทยห่วงใยสุขภาพ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเชิญชวนให้สตรีไทยได้ร่วมกันทำความดี บำเพ็ญประโยชน์ด้านสุขภาพถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ยังได้ร่วมกับองค์กรเครือข่ายสตรี 192 องค์กร จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ให้แก่กลุ่มสตรี ประชาชนทั่วไป รวมทั้งรณรงค์ให้เกิดการจัดตั้งชมรมสตรีไทยห่วงใยสุขภาพ 84 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นแกนนำให้สตรีไทยทั่วไป พัฒนาพฤติกรรมของตนเอง จนมีคุณภาพดี ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาสุขภาพของคนในครอบครัว ชุมชน และสังคม เนื่องจากสตรีไทยทำหน้าที่แม่ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพสมาชิกในครอบครัว อันเป็นการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มุ่งหวังให้คนไทยทุกหมู่เหล่ามีสุขภาพที่ดี
ด้านคุณหญิง ณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวถึงที่มาของการจัดทำโครงการสตรีไทยห่วงใยสุขภาพว่า การดำเนินโครงการ “สตรีไทย ห่วงใยสุขภาพ” เป็นโครงการสืบเนื่องจากการดำเนินโครงการ “สาธารณสุขทำดีเพื่อแม่ เนื่องในวันสตรีไทย” ตั้งแต่ปี 2552 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเล็งเห็นว่าสตรีที่จะเป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคมและประเทศชาติได้อย่างเต็มที่นั้น ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงและครอบครัวที่อบอุ่น จึงได้ริเริ่มโครงการเพื่อสนับสนุนแนวคิดนี้ขึ้น 2 โครงการ คือ โครงการคัดเลือก “ครอบครัวไทยมีสุข สภาสตรีแห่งชาติ” และโครงการ “สตรีไทย ห่วงใยสุขภาพ” เพื่อรณรงค์และผลักดันกิจกรรมดูแลสุขภาพอันเป็นประโยชน์ต่อสตรีและสังคมให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เพื่อให้สตรีไทยเกิดความตื่นตัว ตระหนักถึงความสำคัญและความใส่ใจในเรื่องการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชนให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยจะดำเนินโครงการนี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี
นางจุรีภรณ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาให้ความรู้ ตลอดจนให้บริการตรวจสุขภาพให้กับผู้ร่วมงานฟรี อาทิ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้บริการตรวจหาสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ครีมทาหน้า และยาแผนโบราณฟรี พร้อมกับสาธิตวิธีการล้างผักผลไม้ด้วยวิธีต่างๆ และให้บริการน้ำดื่มจากสมุนไพรฟรี กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็ง สอนวิธีตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ วัดไร่ขิง ให้บริการตรวจคัดกรองสายตา และแจกแว่นตาฟรี วันละ 500 อัน กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต และสำนักคณะกรรมการอาหารและยา ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ การออกกำลังกาย และแจกคู่มือสร้างความสุข รวมทั้งจัดกิจกรรมตอบปัญหาชิงรางวัล กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพ โรงพยาบาลยันฮี ให้บริการทำหน้าขาวใสด้วยโฟโน วันละ 20 คน และให้คำแนะนำด้านสุขภาพและความงาม จำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามราคาถูก พร้อมตรวจวัดมวลกระดูก และแจกผลิตภัณฑ์ความงามฟรี โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท บริการตรวจแมะไฟฟ้า ตรวจคัดกรองเบาหวาน วิเคราะห์องค์ประกอบในร่างกายตามความเสี่ยงโรคอ้วน โรงพยาบาลบางปะกอก โรงพยาบาลบ้านแพ้ว บริษัท เทอรูโม (ประเทศไทย) จำกัด ให้บริการตรวจวัดน้ำตาล วัดความดันฟรี และจำหน่ายสินค้าราคาถูก สถาบันพระบรมราชชนก ให้บริการฝังเข็ม โรงพยาบาลศรีวิชัย ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ ในราคาพิเศษ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ให้บริการถ่ายรูปลงบนแสตมป์ บริษัท โอสถสภา บริษัท พริยทูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท โมเดิร์นคาส อินเตอร์เนชั่นแนล คอสเมติคส์ จำกัด นำผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามมาจำหน่ายให้ผู้ร่วมงานในราคาถูก นอกจากนี้ ในส่วนของเวทีสัมมนายังมีการจัดอภิปรายหัวข้อภัยคุมคามจากโรคที่สตรีไทยควรพึงระวัง การป้องกันดูแลสุขภาพสตีไทย และสิทธิประโยชน์ของสตรีไทยด้านสุขภาพ ก็ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจเข้ารับบริการตรวจสุขภาพ และร่วมฟังการสัมมนาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยงานจะมีถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2554
วันนี้ (30 ส.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนา ว่า เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดทำโครงการสตรีไทยห่วงใยสุขภาพ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเชิญชวนให้สตรีไทยได้ร่วมกันทำความดี บำเพ็ญประโยชน์ด้านสุขภาพถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ยังได้ร่วมกับองค์กรเครือข่ายสตรี 192 องค์กร จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ให้แก่กลุ่มสตรี ประชาชนทั่วไป รวมทั้งรณรงค์ให้เกิดการจัดตั้งชมรมสตรีไทยห่วงใยสุขภาพ 84 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นแกนนำให้สตรีไทยทั่วไป พัฒนาพฤติกรรมของตนเอง จนมีคุณภาพดี ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาสุขภาพของคนในครอบครัว ชุมชน และสังคม เนื่องจากสตรีไทยทำหน้าที่แม่ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพสมาชิกในครอบครัว อันเป็นการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มุ่งหวังให้คนไทยทุกหมู่เหล่ามีสุขภาพที่ดี
ด้านคุณหญิง ณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวถึงที่มาของการจัดทำโครงการสตรีไทยห่วงใยสุขภาพว่า การดำเนินโครงการ “สตรีไทย ห่วงใยสุขภาพ” เป็นโครงการสืบเนื่องจากการดำเนินโครงการ “สาธารณสุขทำดีเพื่อแม่ เนื่องในวันสตรีไทย” ตั้งแต่ปี 2552 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเล็งเห็นว่าสตรีที่จะเป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคมและประเทศชาติได้อย่างเต็มที่นั้น ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงและครอบครัวที่อบอุ่น จึงได้ริเริ่มโครงการเพื่อสนับสนุนแนวคิดนี้ขึ้น 2 โครงการ คือ โครงการคัดเลือก “ครอบครัวไทยมีสุข สภาสตรีแห่งชาติ” และโครงการ “สตรีไทย ห่วงใยสุขภาพ” เพื่อรณรงค์และผลักดันกิจกรรมดูแลสุขภาพอันเป็นประโยชน์ต่อสตรีและสังคมให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เพื่อให้สตรีไทยเกิดความตื่นตัว ตระหนักถึงความสำคัญและความใส่ใจในเรื่องการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชนให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยจะดำเนินโครงการนี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี
นางจุรีภรณ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาให้ความรู้ ตลอดจนให้บริการตรวจสุขภาพให้กับผู้ร่วมงานฟรี อาทิ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้บริการตรวจหาสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ครีมทาหน้า และยาแผนโบราณฟรี พร้อมกับสาธิตวิธีการล้างผักผลไม้ด้วยวิธีต่างๆ และให้บริการน้ำดื่มจากสมุนไพรฟรี กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็ง สอนวิธีตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ วัดไร่ขิง ให้บริการตรวจคัดกรองสายตา และแจกแว่นตาฟรี วันละ 500 อัน กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต และสำนักคณะกรรมการอาหารและยา ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ การออกกำลังกาย และแจกคู่มือสร้างความสุข รวมทั้งจัดกิจกรรมตอบปัญหาชิงรางวัล กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพ โรงพยาบาลยันฮี ให้บริการทำหน้าขาวใสด้วยโฟโน วันละ 20 คน และให้คำแนะนำด้านสุขภาพและความงาม จำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามราคาถูก พร้อมตรวจวัดมวลกระดูก และแจกผลิตภัณฑ์ความงามฟรี โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท บริการตรวจแมะไฟฟ้า ตรวจคัดกรองเบาหวาน วิเคราะห์องค์ประกอบในร่างกายตามความเสี่ยงโรคอ้วน โรงพยาบาลบางปะกอก โรงพยาบาลบ้านแพ้ว บริษัท เทอรูโม (ประเทศไทย) จำกัด ให้บริการตรวจวัดน้ำตาล วัดความดันฟรี และจำหน่ายสินค้าราคาถูก สถาบันพระบรมราชชนก ให้บริการฝังเข็ม โรงพยาบาลศรีวิชัย ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ ในราคาพิเศษ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ให้บริการถ่ายรูปลงบนแสตมป์ บริษัท โอสถสภา บริษัท พริยทูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท โมเดิร์นคาส อินเตอร์เนชั่นแนล คอสเมติคส์ จำกัด นำผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามมาจำหน่ายให้ผู้ร่วมงานในราคาถูก นอกจากนี้ ในส่วนของเวทีสัมมนายังมีการจัดอภิปรายหัวข้อภัยคุมคามจากโรคที่สตรีไทยควรพึงระวัง การป้องกันดูแลสุขภาพสตีไทย และสิทธิประโยชน์ของสตรีไทยด้านสุขภาพ ก็ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจเข้ารับบริการตรวจสุขภาพ และร่วมฟังการสัมมนาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยงานจะมีถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2554