บุกเชือดโรงเรียนสอนต่อเล็บ 2 แห่ง ย่านลาดพร้าว และ สามเสน ปลอมสินค้า ลักลอบนำเข้าและจำหน่ายยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บยี่ห้อดังโดยไม่ได้รับอนุญาต
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ พ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม รองผู้บังคับการปรามปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (รองผบก.ปคบ.) ร่วมกัน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ดูแล ตกแต่งเล็บ ภายใต้เครื่องหมายการค้า OPI จากประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีโรงเรียนสอนต่อเล็บ บริการเกี่ยวกับเล็บหลายแห่งปลอมแปลงเลียนแบบสินค้าภายใต้แบรนด์ OPI ดังกล่าว และลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายอย่างผิดกฎหมาย โดยแจ้งเบาะแสสถานที่กระทำผิดกฎหมายให้ อย. ตรวจสอบ ทั้งนี้ เพื่อมิให้ประชาชนได้รับอันตรายจากสินค้าปลอม จึงประสานไปยังตำรวจ บก.ปคบ.ในการสืบสวนสอบสวนจนได้ข้อมูลที่แน่ชัดว่ามีโรงเรียนสอนต่อเล็บกระทำความผิดจริง ดังนั้น เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2554 เจ้าหน้าที่ อย.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ.ระดมกำลังออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกได้นำหมายค้นของศาลแขวงพระนครเหนือเข้าตรวจสอบสถาบัน Nailpro Academy ซึ่งจดทะเบียนพาณิชย์ในนาม “สยามเนลล์” ตั้งอยู่เลขที่ 1111/11 โครงการบ้านกลางเมือง รัชดา - ลาดพร้าว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พบว่าเป็นโรงเรียนสอนต่อเล็บ ให้คำปรึกษาเรื่องการเปิดร้านเล็บ การบริหารร้าน นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเล็บ ซึ่งจากการตรวจสอบพบผลิตภัณฑ์ยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ ภายใต้แบรนด์ OPI ไม่มีฉลากภาษาไทย ที่ลักลอบนำเข้า และเป็นผลิตภัณฑ์เลียนแบบผลิตภัณฑ์ OPI ของแท้ อาทิ ยาทาเล็บ OPI คละสี ชุดเซ็ตยาทาเล็บ OPI (แพ็กคู่), น้ำยาล้างเล็บ OPI Nail Lacquer และผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก มูลค่าของกลางกว่า 8 แสนบาท
ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นของศาลทำการตรวจค้น ร้าน Tops N Toes Institute of Nail Art and Technology ตั้งอยู่เลขที่ 1093 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ พบว่า เป็นสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บ เช่น น้ำยาทาเล็บ บำรุงเล็บ ล้างเล็บ สปา อุปกรณ์ตกแต่งเล็บ ซึ่งจากการตรวจสอบภายในร้านพบผลิตภัณฑ์ยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ ภายใต้แบรนด์ OPI ไม่มีฉลากภาษาไทย ที่ลักลอบนำเข้า และเป็นผลิตภัณฑ์เลียนแบบผลิตภัณฑ์ OPI ของแท้ รวมทั้งเครื่องสำอางอื่นๆ ที่ไม่มีฉลากภาษาไทยจำนวนมาก อาทิ ยาทาเล็บ OPI, ยาทาเล็บ ORLY, ยาทาเล็บ NIKO, ยาทาเล็บ MISA, ยาทาเล็บ ZOYA, ยาทาเล็บ BLUE PLACE, ORANGE PARAFFIN WAX, OPI Manicure Pedicure, TNT UV ACRYLIC TOP COAT ฯลฯ
เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางผิดกฎหมายทั้งหมด และเก็บตัวอย่างส่งวิเคราะห์หาสารห้ามใช้ต่อไป รวมมูลค่าของกลางทั้ง 2 แห่งที่ยึดได้กว่า 1 ล้านบาท รวมทั้งได้แจ้งข้อหา ดังนี้
1.ขายหรือนำเข้าเครื่องสำอางที่ไม่ได้จดแจ้ง จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.ขายเครื่องสำอางไม่มีฉลากภาษาไทยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.นำเข้าเพื่อขายเครื่องสำอางที่ไม่ถูกกฎหมายมีโทษจำคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ. พิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเตือนประชาชนในการซื้อเครื่องสำอาง ควรให้ความใส่ใจและระมัดระวัง โดยซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน มีฉลากภาษาไทยที่มีข้อความบังคับครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบสำคัญ วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต ปริมาณสุทธิ หากเป็นเครื่องสำอางลักลอบนำเข้า ไม่แสดงฉลากภาษาไทย อาจได้รับอันตรายจากการใช้ รวมทั้งไม่สามารถหาผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายมารับประกันหากเกิดความผิดปกติหรือเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย อย่างเช่นกรณียาทาเล็บปลอม อาจมีสารอันตรายหรือสีห้ามใช้หรือโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว ปนเปื้อน เมื่อใช้ทาเล็บมือแล้วไปหยิบจับบริโภคอาหาร อาจสัมผัสปากเกิดการดูดซึมปนเปื้อนเข้าไปในร่างกายเป็นอันตรายได้ อีกทั้ง ยาทาเล็บปลอม อาจทำให้เกิดเชื้อราในเล็บได้ นอกจากนี้ ขอเตือนมายังผู้ผลิตหรือนำเข้าเครื่องสำอางเพื่อขายทุกรายจะต้องดำเนินการจดแจ้งเครื่องสำอางให้ถูกต้องตามกฎหมาย มิฉะนั้น ถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับตามกฎหมาย ซึ่งในวันที่ 14 กันยายนนี้ จะครบกำหนดการผ่อนผันในการปรับปรุงฉลากแล้ว และบังคับใช้พร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งผู้ผลิต/ผู้นำเข้า/ผู้จำหน่าย จึงควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากผู้บริโภคพบเห็นการผลิต/จำหน่ายเครื่องสำอางที่คาดว่าจะผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งร้องเรียนมาได้ที่ ศูนย์เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ชั้น 1 ตึก อย. หรือ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ ปณ.1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 นอกจากนี้ สามารถร้องเรียนได้ที่ บก.ปคบ.ตู้ ปณ. 459 ปณศ.สามเสนใน พญาไท กทม.10400 เพื่อ อย.จะได้ร่วมกับ บก.ปคบ.ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองประชาชนชาวไทยให้ได้รับความปลอดภัย
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ พ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม รองผู้บังคับการปรามปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (รองผบก.ปคบ.) ร่วมกัน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ดูแล ตกแต่งเล็บ ภายใต้เครื่องหมายการค้า OPI จากประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีโรงเรียนสอนต่อเล็บ บริการเกี่ยวกับเล็บหลายแห่งปลอมแปลงเลียนแบบสินค้าภายใต้แบรนด์ OPI ดังกล่าว และลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายอย่างผิดกฎหมาย โดยแจ้งเบาะแสสถานที่กระทำผิดกฎหมายให้ อย. ตรวจสอบ ทั้งนี้ เพื่อมิให้ประชาชนได้รับอันตรายจากสินค้าปลอม จึงประสานไปยังตำรวจ บก.ปคบ.ในการสืบสวนสอบสวนจนได้ข้อมูลที่แน่ชัดว่ามีโรงเรียนสอนต่อเล็บกระทำความผิดจริง ดังนั้น เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2554 เจ้าหน้าที่ อย.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ.ระดมกำลังออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกได้นำหมายค้นของศาลแขวงพระนครเหนือเข้าตรวจสอบสถาบัน Nailpro Academy ซึ่งจดทะเบียนพาณิชย์ในนาม “สยามเนลล์” ตั้งอยู่เลขที่ 1111/11 โครงการบ้านกลางเมือง รัชดา - ลาดพร้าว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พบว่าเป็นโรงเรียนสอนต่อเล็บ ให้คำปรึกษาเรื่องการเปิดร้านเล็บ การบริหารร้าน นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเล็บ ซึ่งจากการตรวจสอบพบผลิตภัณฑ์ยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ ภายใต้แบรนด์ OPI ไม่มีฉลากภาษาไทย ที่ลักลอบนำเข้า และเป็นผลิตภัณฑ์เลียนแบบผลิตภัณฑ์ OPI ของแท้ อาทิ ยาทาเล็บ OPI คละสี ชุดเซ็ตยาทาเล็บ OPI (แพ็กคู่), น้ำยาล้างเล็บ OPI Nail Lacquer และผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก มูลค่าของกลางกว่า 8 แสนบาท
ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นของศาลทำการตรวจค้น ร้าน Tops N Toes Institute of Nail Art and Technology ตั้งอยู่เลขที่ 1093 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ พบว่า เป็นสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บ เช่น น้ำยาทาเล็บ บำรุงเล็บ ล้างเล็บ สปา อุปกรณ์ตกแต่งเล็บ ซึ่งจากการตรวจสอบภายในร้านพบผลิตภัณฑ์ยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ ภายใต้แบรนด์ OPI ไม่มีฉลากภาษาไทย ที่ลักลอบนำเข้า และเป็นผลิตภัณฑ์เลียนแบบผลิตภัณฑ์ OPI ของแท้ รวมทั้งเครื่องสำอางอื่นๆ ที่ไม่มีฉลากภาษาไทยจำนวนมาก อาทิ ยาทาเล็บ OPI, ยาทาเล็บ ORLY, ยาทาเล็บ NIKO, ยาทาเล็บ MISA, ยาทาเล็บ ZOYA, ยาทาเล็บ BLUE PLACE, ORANGE PARAFFIN WAX, OPI Manicure Pedicure, TNT UV ACRYLIC TOP COAT ฯลฯ
เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางผิดกฎหมายทั้งหมด และเก็บตัวอย่างส่งวิเคราะห์หาสารห้ามใช้ต่อไป รวมมูลค่าของกลางทั้ง 2 แห่งที่ยึดได้กว่า 1 ล้านบาท รวมทั้งได้แจ้งข้อหา ดังนี้
1.ขายหรือนำเข้าเครื่องสำอางที่ไม่ได้จดแจ้ง จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.ขายเครื่องสำอางไม่มีฉลากภาษาไทยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.นำเข้าเพื่อขายเครื่องสำอางที่ไม่ถูกกฎหมายมีโทษจำคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ. พิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเตือนประชาชนในการซื้อเครื่องสำอาง ควรให้ความใส่ใจและระมัดระวัง โดยซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน มีฉลากภาษาไทยที่มีข้อความบังคับครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบสำคัญ วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต ปริมาณสุทธิ หากเป็นเครื่องสำอางลักลอบนำเข้า ไม่แสดงฉลากภาษาไทย อาจได้รับอันตรายจากการใช้ รวมทั้งไม่สามารถหาผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายมารับประกันหากเกิดความผิดปกติหรือเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย อย่างเช่นกรณียาทาเล็บปลอม อาจมีสารอันตรายหรือสีห้ามใช้หรือโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว ปนเปื้อน เมื่อใช้ทาเล็บมือแล้วไปหยิบจับบริโภคอาหาร อาจสัมผัสปากเกิดการดูดซึมปนเปื้อนเข้าไปในร่างกายเป็นอันตรายได้ อีกทั้ง ยาทาเล็บปลอม อาจทำให้เกิดเชื้อราในเล็บได้ นอกจากนี้ ขอเตือนมายังผู้ผลิตหรือนำเข้าเครื่องสำอางเพื่อขายทุกรายจะต้องดำเนินการจดแจ้งเครื่องสำอางให้ถูกต้องตามกฎหมาย มิฉะนั้น ถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับตามกฎหมาย ซึ่งในวันที่ 14 กันยายนนี้ จะครบกำหนดการผ่อนผันในการปรับปรุงฉลากแล้ว และบังคับใช้พร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งผู้ผลิต/ผู้นำเข้า/ผู้จำหน่าย จึงควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากผู้บริโภคพบเห็นการผลิต/จำหน่ายเครื่องสำอางที่คาดว่าจะผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งร้องเรียนมาได้ที่ ศูนย์เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ชั้น 1 ตึก อย. หรือ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ ปณ.1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 นอกจากนี้ สามารถร้องเรียนได้ที่ บก.ปคบ.ตู้ ปณ. 459 ปณศ.สามเสนใน พญาไท กทม.10400 เพื่อ อย.จะได้ร่วมกับ บก.ปคบ.ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองประชาชนชาวไทยให้ได้รับความปลอดภัย