เครือข่ายแม่ออนไลน์ในเฟซบุ๊ก 60 ครอบครัว อุ้มลูกจูงมือคุณพ่อ จัด Flash Mob กระตุ้นสังคมไทยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ชี้ ภาพลักษณ์แม่ยุคใหม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็สวยได้ เผยผลสำรวจคุณแม่ออนไลน์ เกือบ 90% เคยถูก บ.นมผง แจกกิฟต์เซ็ต จัดอบรมในโรงพยาบาล อบต. สนง.ประกันสังคม วอนแพทย์ให้คำแนะนำเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไปจนถึง 2 ขวบขึ้นไป
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ ลานน้ำพุ ด้านหน้าศูนย์การค้าสยามพารากอน เครือข่ายแม่ออนไลน์ ร่วมกับมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดตัวการรวมพลังเครือข่ายแม่ออนไลน์กว่า 60 ครอบครัว จัด Flash Mob รณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เนื่องในสัปดาห์นมแม่โลก โดยภายในงานประกอบด้วย คุณพ่ออาสาสวมเต้านมเทียมให้นมลูก พร้อมเหล่าคุณแม่ถือป้ายรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “นมแม่ดีที่สุด” ที่สำคัญ ยังเป็นการรวมพลครอบครัวนมแม่ที่มี คุณพ่อ คุณแม่ ลูก และทุกคนในครอบครัวมาร่วมแสดงพลังสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
นางจตุพร เอมพันธ์ แกนนำเครือข่ายแม่ออนไลน์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการแสดงพลังของภาคประชาสังคมกลุ่ม Social Network จาก http://www.facebook.com/thaibreastfeeding มีสมาชิก 3,500 คน ซึ่งเป็นครอบครัวเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อสร้างความตระหนักให้แม่ทุกคนหันมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่หลังคลอดไปจนถึงลูกอายุอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป และแสดงให้เห็นว่า คุณแม่รุ่นใหม่ที่มีภาพลักษณ์สวยงาม ก็สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ไม่ยึดติดว่าต้องเป็นคุณแม่ที่มีภาพลักษณ์ของผู้หญิงเชยๆ เท่านั้น ดังนั้นการประชาสัมพันธ์ถึงภาพลักษณ์ของแม่รุ่นใหม่นั้นเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วย
“เครือข่ายแม่ออนไลน์ ได้สำรวจความเห็นของสมาชิก และประชาชนทั่วไป เรื่องการตลาดของผลิตภัณฑ์นมผง ผ่าน http://www.facebook.com/thaibreastfeeding ที่มีการติดตามข้อมูลของเครือข่ายแม่ออนไลน์ มากกว่า 100,000 pageview พบว่า 80-90% ของเครือข่ายแม่ออนไลน์ ได้รับแจกกิ๊ฟเซ็ตนมผงจากสถานพยาบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล และสำนักงานประกันสังคม ที่สำคัญการตลาดนมผงทำโฆษณาอย่างรุนแรงมาก โดยแฝงเข้ามาจัดกิจกรรมอบรมเลี้ยงลูกให้กับ อบต.เทศบาล และฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทเอกชน แล้วแจกกิ๊ฟเซ็ตนมผงให้แก่แม่ พร้อมเก็บข้อมูลของแม่ พอหลังคลอด 3-4 เดือนก็จะโทรศัพท์มาให้ข้อมูลที่บิดเบือนว่า นมแม่เริ่มไม่ค่อยมีสารอาหารแล้ว ควรให้นมผงเสริมด้วย ทำให้แม่เข้าใจสับสนและหันมาใช้นมผงเลี้ยงลูกแทนนมแม่ จะเห็นได้ว่าการทำการตลาดของผลิตภัณฑ์นมผงนั้นหากินกับความรักของพ่อแม่ และครอบครัว” นางจตุพร กล่าว
นางจตุพร กล่าวต่อว่า นมผงและการโฆษณาอย่างเข้มข้นเป็นปัญหาที่เข้ามาแย่งนมแม่ไปจากทารก เพราะมีส่วนทำให้แม่ส่วนใหญ่สับสนกับความจริงที่ชัดเจนแล้วว่า “นมแม่” มีสารอาหารและคุณประโยชน์มหาศาลที่จำเป็นต่อทารก ซึ่งนมผงไม่สามารถเทียบได้ จึงอยากให้ภาครัฐต้องมีเป้าหมายการสื่อสารประชาสัมพันธ์นมแม่ที่ชัดเจน ควรเน้นการอบรมให้ความรู้กับพ่อแม่ควบคู่กับกับการตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนให้ได้ 30% เพื่อช่วยแก้ไขความสับสนของพ่อแม่และครอบครัว สร้างความมุ่งมั่นให้แก่คุณแม่มือใหม่ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นอกจากนี้ อยากวิงวอนให้บุคลากรทางการแพทย์ร่วมสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยให้คำแนะนำแม่และครอบครัวให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน และให้นมแม่ร่วมกับอาหารอื่นตามวัยจนถึงอายุ 2 ปี เพราะบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มที่มีความน่าเชื่อถือมาก ขณะเดียวกันภาคเอกชนควรสนับสนุนให้พ่อลาหยุดงานมาช่วยเลี้ยงลูกได้ พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมให้แม่ได้มีโอกาสเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสถานประกอบการ จัดมุมให้นมลูก เพื่อแม่สามารถปั้มนมเก็บไว้ให้ลูกได้ หากลูกได้กินนมแม่จะมีร่างกายแข็งแรง แม่ก็สามารถทำงานให้กับนายจ้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ