ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับเกณฑ์ย้ายผู้บริหารสถานศึกษา กำหนดความหมาย เปลี่ยนเงื่อนไขแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษาพิเศษ แบ่งประเภทสถานศึกษาที่เพิ่มสถานศึกษาวัตถุประสงค์พิเศษและคุณภาพพิเศษ และขนาดสถานศึกษา โดยให้แต่ละเขตทั้งประถม-มัธยม ตั้ง คกก.กลั่นกรองพิจารณาฯการย้าย โดยยึดตามเงื่อนไข ระบุรายชื่อโรงเรียนวัตถุประสงค์พิเศษและคุณภาพพิเศษ ต้องให้บอร์ด กพฐ.เห็นชอบและประกาศวันที่ 8 ส.ค.นี้
นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ ก.ค.ศ.) เปิดเผยผลการประชุม ก.ค.ศ.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดังนี้ 1.การกำหนดความหมายในการหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายใหม่ เช่น การย้ายหมายถึงการแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาให้ดำรงตำแหน่งเดิมในสถานศึกษาอื่น ผู้บริหารสถานศึกษาหมายถึง ผู้อำนวยการสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา 2.กำหนดให้การแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปฏิบัติงานในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานการศึกษาพิเศษแต่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการการศึกษามีสิทธิโยกย้ายดังกล่าวแต่ต้องมีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 1 ปี 3.การจัดประเภทของสถานศึกษา ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา สถานศึกษาสังกสัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สถานศึกษาที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ และสถานศึกษาคุณภาพพิเศษ
และ 4.การกำหนดขนาดของสถานศึกษาเห็นควรกำหนดไว้ 4 ขนาด เช่นเดิมคือ ขนาดเล็ก มีจำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 499 คนลงมา ขนาดกลาง มีจำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 500-1,499 คน ขนาดใหญ่ มีจำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 1,500-2,499 คนและขนาดใหญ่พิเศษ มีจำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 2,500 คนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีการตัดขนาดออกจากหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายเพราะเห็นว่าการคงข้อกำหนดขนาดโรงเรียนไว้ยังมีความจำเป็นอยู่ แต่ก็ได้มีการเปิดช่องให้ผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็กย้ายข้ามไปสถานศึกษาขนาดใหญ่ได้หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสม รวมทั้งกรณีผู้บริหารสถานศึกษาขนาดกลางสามารถย้ายไปสถานศึกษาขนาดใหญ่พิเศษได้เช่นเดียวกัน
“เงื่อนไขการขอย้ายนั้นกำหนดไว้ ดังนี้ กรณีปกติ คือ การย้ายตามคู่สมรส ดูแลบิดามารดา กลับภูมิลำเนา ส่วนกรณีย้ายกรณีพิเศษ จะเป็นการย้ายเพราะเจ็บป่วยร้ายแรง ถูกคุกคามต่อชีวิตและเพื่อดูแลบิดามารดาหรือคู่สมรสที่เจ็บป่วยร้ายแรง และการย้ายกรณีเพื่อประโยชน์ของราชการเพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการ การย้ายเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และย้ายเพื่อดำรงตำแหน่งสถานศึกษาที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ และสถานศึกษาคุณภาพพิเศษ” นางศิริพร กล่าว
เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวด้วยว่า การย้ายแต่ละครั้งนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นประธานจะทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด นอกจากนี้ จะให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีรองเลขาธิการ กพฐ.ที่ได้รับมอบจาก เลขาธิการ กพฐ.เป็นประธาน ส่วนการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มสถานศึกษาที่มีวัตถุประสงค์พิเศษและสถานศึกษาคุณภาพพิเศษจะให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายมี เลขาธิการ กพฐ.เป็นประธาน ทำหน้าที่กลั่นกรองรายชื่อเสนอให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา ซึ่งอาจจะเห็นชอบตามที่เสนอหรือไม่ก็ได้แต่ก็ต้องมีเหตุผลหากไม่ดำเนินการแต่งตั้งตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอ
ทั้งนี้ สำหรับรายชื่อโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์พิเศษและสถานศึกษาคุณภาพพิเศษนั้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะต้องเสนอให้ที่ประชุมกพฐ.เห็นชอบจากนั้นจึงประกาศรายชื่อโรงเรียนภายในวันที่ 8 สิงหาคม นี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับปฏิทินการย้ายประจำปี 2554 จะให้ยื่นคำร้องขอย้ายระหว่างวันที่ 9-19 สิงหาคม
นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ ก.ค.ศ.) เปิดเผยผลการประชุม ก.ค.ศ.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดังนี้ 1.การกำหนดความหมายในการหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายใหม่ เช่น การย้ายหมายถึงการแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาให้ดำรงตำแหน่งเดิมในสถานศึกษาอื่น ผู้บริหารสถานศึกษาหมายถึง ผู้อำนวยการสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา 2.กำหนดให้การแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปฏิบัติงานในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานการศึกษาพิเศษแต่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการการศึกษามีสิทธิโยกย้ายดังกล่าวแต่ต้องมีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 1 ปี 3.การจัดประเภทของสถานศึกษา ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา สถานศึกษาสังกสัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สถานศึกษาที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ และสถานศึกษาคุณภาพพิเศษ
และ 4.การกำหนดขนาดของสถานศึกษาเห็นควรกำหนดไว้ 4 ขนาด เช่นเดิมคือ ขนาดเล็ก มีจำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 499 คนลงมา ขนาดกลาง มีจำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 500-1,499 คน ขนาดใหญ่ มีจำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 1,500-2,499 คนและขนาดใหญ่พิเศษ มีจำนวนนักเรียน ตั้งแต่ 2,500 คนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีการตัดขนาดออกจากหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายเพราะเห็นว่าการคงข้อกำหนดขนาดโรงเรียนไว้ยังมีความจำเป็นอยู่ แต่ก็ได้มีการเปิดช่องให้ผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็กย้ายข้ามไปสถานศึกษาขนาดใหญ่ได้หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสม รวมทั้งกรณีผู้บริหารสถานศึกษาขนาดกลางสามารถย้ายไปสถานศึกษาขนาดใหญ่พิเศษได้เช่นเดียวกัน
“เงื่อนไขการขอย้ายนั้นกำหนดไว้ ดังนี้ กรณีปกติ คือ การย้ายตามคู่สมรส ดูแลบิดามารดา กลับภูมิลำเนา ส่วนกรณีย้ายกรณีพิเศษ จะเป็นการย้ายเพราะเจ็บป่วยร้ายแรง ถูกคุกคามต่อชีวิตและเพื่อดูแลบิดามารดาหรือคู่สมรสที่เจ็บป่วยร้ายแรง และการย้ายกรณีเพื่อประโยชน์ของราชการเพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการ การย้ายเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และย้ายเพื่อดำรงตำแหน่งสถานศึกษาที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ และสถานศึกษาคุณภาพพิเศษ” นางศิริพร กล่าว
เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวด้วยว่า การย้ายแต่ละครั้งนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นประธานจะทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด นอกจากนี้ จะให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีรองเลขาธิการ กพฐ.ที่ได้รับมอบจาก เลขาธิการ กพฐ.เป็นประธาน ส่วนการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในกลุ่มสถานศึกษาที่มีวัตถุประสงค์พิเศษและสถานศึกษาคุณภาพพิเศษจะให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายมี เลขาธิการ กพฐ.เป็นประธาน ทำหน้าที่กลั่นกรองรายชื่อเสนอให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา ซึ่งอาจจะเห็นชอบตามที่เสนอหรือไม่ก็ได้แต่ก็ต้องมีเหตุผลหากไม่ดำเนินการแต่งตั้งตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอ
ทั้งนี้ สำหรับรายชื่อโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์พิเศษและสถานศึกษาคุณภาพพิเศษนั้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะต้องเสนอให้ที่ประชุมกพฐ.เห็นชอบจากนั้นจึงประกาศรายชื่อโรงเรียนภายในวันที่ 8 สิงหาคม นี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับปฏิทินการย้ายประจำปี 2554 จะให้ยื่นคำร้องขอย้ายระหว่างวันที่ 9-19 สิงหาคม