“สาวิทย์” นำทีมสหภาพรถไฟฯยื่นอุทธรณ์ศาลแรงงาน ชั้นฎีกาในสัปดาห์หน้า แจงมีเวลายื่นภายใน 15 วัน หลังถูกศาลแรงงานชั้นต้นพิพากษาเลิกจ้าง พร้อมทั้งต้องชดใช้ค่าเสียหาย 15 ล้านบาท จี้ การรถไฟฯดูแลความปลอดภัยของพนักงาน และ ปชช.ด้วย
จากกรณีศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาอนุญาตให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเลิกจ้างนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย และกรรมการสหภาพฯ รวม 7 คนและให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย รวมเป็นเงิน 15 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี เนื่องจากทั้ง 7 คน ได้รณรงค์เรื่องความปลอดภัยของพนักงานขับรถและช่างเครื่อง จนเป็นเหตุให้พนักงานการรถไฟฯหยุดปฏิบัติหน้าที่นำรถไฟออกไปให้บริการประชาชน โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นการยุยงชักชวนให้พนักงานขับรถ ช่างเครื่องและพนักงานอื่นของการรถไฟฯหยุดการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการจงใจทำให้ผู้เป็นนายจ้างได้รับความเสียหายและเป็นการละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่นั้น
วันนี้ (29 ก.ค.) นายสาวิทย์ กล่าวว่า แม้ศาลแรงงานชั้นต้นมีคำพิพากษาดังกล่าวออกมา แต่ตนและกรรมการสหภาพฯอีก 6 คน ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแรงงานชั้นฎีกาได้ภายใน 15 วัน ดังนั้น จะให้ทนายความยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแรงงานชั้นฎีกาในสัปดาห์หน้า ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ที่การรถไฟฯนั้น ตามหลักกฎหมายแล้ว หากคดียังไม่สิ้นสุด ตนกับกรรมการสหภาพฯอีก 6 คน ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อไปจนกว่าคดีนี้จะสิ้นสุด ซึ่งตามปกติกระบวนการและขั้นตอนการพิจารณาของศาลแรงงานชั้นฎีกาจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 ปี คดีจึงจะสิ้นสุด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับหนังสือคำสั่งใดๆ หรือหนังสือเลิกจ้างจากการรถไฟฯ ส่วนการทำงานในตำแหน่งประธานสหภาพฯก็ยังคงเป็นไปตามเดิม เพราะเป็นคนละเรื่องกัน
“ผมเคารพในคำตัดสินของศาลแรงงาน อย่างไรก็ตาม เรื่องความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานและการเดินรถไฟนั้น ขอยืนยันว่า คณะกรรมการสหภาพฯทำ เพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ และอยากให้การรถไฟฯดูแลเรื่องนี้ให้มากขึ้นเพราะมีผลกระทบต่อการทำงานของพนักงานการรถไฟฯ และความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเช่นกรณีรถไฟขบวนที่ 84 จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประสบอุบัติเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คนนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษทางอาญาพนักงานขับรถโทษฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตโดยสั่งจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา
นอกจากนี้ ยังมีญาติผู้โดยสารที่เสียชีวิตไปฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพฯใต้ซึ่งศาลมีคำสั่งให้พนักงานขับรถชดใช้เป็นค่าทำขวัญเป็นเวลา 10 ปี เดือนละ 5 พันบาทและให้การรถไฟฯจ่ายค่าเสียหาย 1 ล้านบาท จึงอยากให้สังคมและสื่อมวลชนช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้” นายสาวิทย์ กล่าว