สมศ.ย้ำ ใช้ วีเน็ต ร่วมประเมินวิทยาลัย หากไม่สอบถือว่าได้คะแนน “ศูนย์” แย้ง สอศ.มีเวลาเตรียมพร้อมถึงสิงหาคม จ่อหารือบอร์ด ควรประเมินสถาบันสอนตัดผม-ตัดเสื้อ-ทำอาหาร หรือไม่
นายชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการหารือร่วมกับผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กรณีการใช้ผลการทดสอบอาชีวศึกษาระดับชาติ หรือ วีเน็ต ในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสามของสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา ในกลุ่มตัวบ่งชี้ความรู้และทักษะของนักศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาอาชีวศึกษาหลายแห่งยังไม่มีความพร้อม โดยเฉพาะสถานศึกษาในสังกัด สอศ.ยังไม่มีการสอบวีเน็ตนั้น สมศ.ได้มีมติให้สถานศึกษาที่มีรายชื่อจะได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม ครั้งที่ 1/2554 จำนวน 183 แห่ง ทั้งในสังกัด สอศ.และ สังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ใช้เกณฑ์การสอบวัดผลในสถานศึกษาเพื่อแทนผลคะแนนวีเน็ต ในการประเมินตัวชี้วัดกลุ่มตัวบ่งชี้ความรู้และทักษะได้
ทั้งนี้ ในการประเมินรอบสามนี้ สถานศึกษาทุกระดับจะได้รับการประเมินโดยใช้เกณฑ์เทียบเคียงได้ในบางตัวชี้วัดอยู่แล้ว เนื่องจาก สมศ.เห็นว่า รายละเอียดของตัวบ่งชี้รอบสาม (ตัวบ่งชี้พื้นฐาน ตัวบ่งชี้อัตลักษณ์ ตัวบ่งชี้มาตรการส่งเสริม) เพิ่งประกาศไปได้ไม่นาน ดังนั้น จึงให้เวลาสำหรับสถานศึกษาในการเตรียมตัว
"สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาที่จะเข้ารับการประเมินรอบสาม ครั้งที่ 1 ระหว่างเดือน มิ.ย.-ส.ค.54 สามารถใช้ผลการสอบในสถานศึกษาเทียบเคียงในตัวบ่งชี้ความรู้และทักษะได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ไม่ได้ถือเป็นการอนุโลมหรือผ่อนผัน เพราะสมศ.ไม่ได้ยกเว้นการประเมินในตัวบ่งชี้ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในการออกประเมินครั้งที่ 2 หรือ ประมาณเดือน พ.ย.54 เป็นต้นไป สถานศึกษาในระดับอาชีวศึกษาทุกแห่งจะต้องมีผลวีเน็ตสำหรับใช้ในการประเมินแล้ว หากยังไม่มีจะถือว่าได้คะแนนศูนย์ในการชี้วัดกลุ่มดังกล่าว" นายชาญณรงค์ กล่าว
ผอ.สมศ.กล่าวว่า วันที่ 31 พ.ค.นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สมศ.จะมีการหารือถึงขอบเขตหน้าที่รับผิดชอบในการประเมินสถานศึกษาที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีวศึกษา เนื่องจากเป็นสถาบันการฝึกสอนเกี่ยวกับวิชาชีพ เช่น สถาบันสอนตัดผม-ตัดเสื้อ-ทำอาหาร ฯลฯ โดยจะพิจารณาว่า สมศ.ควรเข้าไปประเมินด้วยหรือไม่ โดยส่วนตัวเห็นว่าควรมีมาตรฐานในการกำกับดูแลสถาบันต่างๆ เหล่านี้ให้มีคุณภาพ มิฉะนั้น ก็จะเห็นมีสถาบันสอนวิชาชีพเปิดเต็มไปหมด หากไม่มีคุณภาพก็จะส่งผลถึงประชาชนในฐานะผู้บริโภคอาจทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือถูกหลอกได้