กระทรวงสาธารณสุข เผยปี 2554 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้วกว่า 9,000 ราย กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอย่านิ่งนอนใจ เร่งดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกในพื้นที่อย่างเข้มงวด หากพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ให้ส่งทีมเคลื่อนที่เร็วเข้าควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ภายใน 24 ชั่วโมง ย้ำช่วงฤดูฝน 3 เดือนนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ ขอความร่วมมือทุกบ้านต้องช่วยกันกำจัดลูกน้ำยุงลายทุก 7 วัน เป็นมาตรการป้องกันที่ได้ผลที่สุด
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกและมาตรการป้องกันว่า โรคไข้เลือดออกในปีนี้สถานการณ์มีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มกราคมจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 พบผู้ป่วยทั่วประเทศจำนวน 9,418 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 14.83 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 7 ราย ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553 พบผู้ป่วย 16,110 ราย เสียชีวิต 20 ราย ทั้งนี้เนื่องจากดำเนินการควบคุมป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยมากที่สุด ในภาคกลางจำนวน 5,244 ราย เสียชีวิต 1 ราย รองลงมาภาคใต้พบผู้ป่วย 1,796 ราย เสียชีวิต 2 ราย ภาคเหนือพบผู้ป่วย 1,374 ราย เสียชีวิต 2 ราย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบผู้ป่วย 1,004 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยจังหวัดที่พบอัตราป่วยสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่กระบี่ สมุทรสาคร สตูล สงขลา ราชบุรี นครปฐม นครสวรรค์ ชลบุรีและตราด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝนทุกพื้นที่มีฝนตก หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังทำให้ปริมาณยุงลายมีมากขึ้น ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่น อสม. และประชาชน ร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลาย ทั้งในบ้านเรือนและชุมชนอย่างต่อเนื่องทุก 7 วัน หากพบผู้ป่วย ทีมเคลื่อนที่เร็วต้องออกไปควบคุมการแพร่ระบาดของโรคภายใน 24 ชั่วโมง โดยพ่นสารเคมีที่บ้านของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตทุกราย กำจัดยุงตัวที่มีเชื้อไข้เลือดออก โดยจะพ่นสารเคมีในรัศมี 100 เมตรรอบๆบ้านผู้ป่วยและชุมชน เพื่อป้องกันยุงตัวที่มีเชื้อโรคไม่ให้ไปกัดคนอื่นและไม่ให้ไปวางไข่แพร่พันธุ์ต่อ
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า โรคไข้เลือดออกมียุงลายเป็นต้นเหตุ โดยร้อยละ 95 เป็นยุงลายบ้าน อาศัยอยู่ในบ้านคน ชอบวางไข่ตามน้ำใส ที่ขังนิ่ง อีกร้อยละ 5 เป็นยุงลายสวน อยู่ตามป่า ยุงตัวเมีย 1 ตัวมีชีวิตอยู่กัดคนได้นานถึง 30-45 วัน ผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียวหลังจากดูดเลือดคน จะวางไข่ได้ทุก 10 วัน ยุงตัวเมีย 1 ตัวจะวางไข่ 400-600 ฟอง และใช้เวลาฟักเป็นตัวยุง 7-11 วัน ดังนั้นวิธีการป้องกันดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้ยุงเกิด ขอความร่วมมือประชาชนสำรวจกำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยเฉพาะภาชนะที่มีน้ำขังภายในบ้าน เปลี่ยนน้ำในแจกันไม้ประดับ ขารองตู้กับข้าว ทุก 7 วัน รวมทั้งอย่าปล่อยให้มีน้ำขังตามภาชนะรอบๆบ้าน ยางรถยนต์เก่า และปิดฝาโอ่งน้ำ ไม่ให้ยุงไปวางไข่ได้ ปริมาณยุงลายจะลดลง ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชน หากมีไข้สูงเกินกว่า 2 วัน กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด ขอให้คิดถึงโรคไข้เลือดออก ซึ่งโรคนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการไอหรือมีน้ำมูก ปวดศีรษะ หรือปวดเบ้าตา โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว ที่สำคัญอย่าซื้อยารับประทานเองเด็ดขาด
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกและมาตรการป้องกันว่า โรคไข้เลือดออกในปีนี้สถานการณ์มีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มกราคมจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 พบผู้ป่วยทั่วประเทศจำนวน 9,418 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 14.83 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 7 ราย ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553 พบผู้ป่วย 16,110 ราย เสียชีวิต 20 ราย ทั้งนี้เนื่องจากดำเนินการควบคุมป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยมากที่สุด ในภาคกลางจำนวน 5,244 ราย เสียชีวิต 1 ราย รองลงมาภาคใต้พบผู้ป่วย 1,796 ราย เสียชีวิต 2 ราย ภาคเหนือพบผู้ป่วย 1,374 ราย เสียชีวิต 2 ราย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบผู้ป่วย 1,004 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยจังหวัดที่พบอัตราป่วยสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่กระบี่ สมุทรสาคร สตูล สงขลา ราชบุรี นครปฐม นครสวรรค์ ชลบุรีและตราด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝนทุกพื้นที่มีฝนตก หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังทำให้ปริมาณยุงลายมีมากขึ้น ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่น อสม. และประชาชน ร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลาย ทั้งในบ้านเรือนและชุมชนอย่างต่อเนื่องทุก 7 วัน หากพบผู้ป่วย ทีมเคลื่อนที่เร็วต้องออกไปควบคุมการแพร่ระบาดของโรคภายใน 24 ชั่วโมง โดยพ่นสารเคมีที่บ้านของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตทุกราย กำจัดยุงตัวที่มีเชื้อไข้เลือดออก โดยจะพ่นสารเคมีในรัศมี 100 เมตรรอบๆบ้านผู้ป่วยและชุมชน เพื่อป้องกันยุงตัวที่มีเชื้อโรคไม่ให้ไปกัดคนอื่นและไม่ให้ไปวางไข่แพร่พันธุ์ต่อ
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า โรคไข้เลือดออกมียุงลายเป็นต้นเหตุ โดยร้อยละ 95 เป็นยุงลายบ้าน อาศัยอยู่ในบ้านคน ชอบวางไข่ตามน้ำใส ที่ขังนิ่ง อีกร้อยละ 5 เป็นยุงลายสวน อยู่ตามป่า ยุงตัวเมีย 1 ตัวมีชีวิตอยู่กัดคนได้นานถึง 30-45 วัน ผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียวหลังจากดูดเลือดคน จะวางไข่ได้ทุก 10 วัน ยุงตัวเมีย 1 ตัวจะวางไข่ 400-600 ฟอง และใช้เวลาฟักเป็นตัวยุง 7-11 วัน ดังนั้นวิธีการป้องกันดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้ยุงเกิด ขอความร่วมมือประชาชนสำรวจกำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยเฉพาะภาชนะที่มีน้ำขังภายในบ้าน เปลี่ยนน้ำในแจกันไม้ประดับ ขารองตู้กับข้าว ทุก 7 วัน รวมทั้งอย่าปล่อยให้มีน้ำขังตามภาชนะรอบๆบ้าน ยางรถยนต์เก่า และปิดฝาโอ่งน้ำ ไม่ให้ยุงไปวางไข่ได้ ปริมาณยุงลายจะลดลง ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชน หากมีไข้สูงเกินกว่า 2 วัน กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด ขอให้คิดถึงโรคไข้เลือดออก ซึ่งโรคนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการไอหรือมีน้ำมูก ปวดศีรษะ หรือปวดเบ้าตา โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว ที่สำคัญอย่าซื้อยารับประทานเองเด็ดขาด
