มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร่วมกับตัวแทนเครือข่ายเรียกร้องให้ผู้อยู่ในระบบประกัน สังคมทำจดหมายทวงเงินตั้งแต่ 1 พ.ย.49 ถึงปัจจุบันเหตุไม่ได้รับความเท่าเทียมในการรักษาเพราะเป็นวันที่รัฐบาลประกาศยกเลิกการจ่าย 30 บาท เร่งศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายหลักประกันสุขภาพ ในเรื่องการจ่ายเงินสมทบค่ารักษาพยาบาล ว่าขัดกับหลักกฎหมายหรือไม่
นายนิมิตร์ เทียนอุดม เลขาธิการชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน กล่าวว่า สำหรับปัญหาที่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมถูกบังคับให้ต้องจ่ายเงินสมทบค่ารักษาพยาบาล และได้รับการบริการไม่เท่าเทียมกับระบบประกันสุขภาพอื่นนั้น เครือข่ายฯ ได้มีมติให้ผู้ประกันตนยกเลิกการจ่ายเงินสมทบค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม นี้เป็นต้นไป แต่หลังจากได้ทำการปรึกษาในเรื่องข้อกฎหมายถึงสิ่งที่จะได้รับกลับพบว่ามีแต่ผลเสีย เนื่องจากผู้ที่ไม่จ่ายจะถูกตัดสิทธิทันทีและถูกปรับเงินด้วย ดังนั้นชมรมฯ จึงได้เสนอทางออกให้ผู้ที่ต้องจ่ายเงินค่าสมทบทำจดหมายทวงเงินสมทบค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่ายทุกเดือนโดยหักประมาณร้อยละ 5 ของเงินเดือนซึ่งเป็นกลุ่มเดียวที่ต้องจ่ายขณะที่กลุ่มอาชีพอื่นๆรัฐบาลเป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล โดยส่งจดหมายไปถึงสำนักงานประกันสังคมในแต่ละพื้นที่เพื่อทวงเงินที่ต้องจ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการที่ให้ทวงเงินตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน เพราะเป็นวันที่รัฐบาลประกาศยกเลิกไม่ต้องจ่าย 30 บาทสำหรับบัตรทองในการรักษาโรค
นอกจากนี้ นายนิมิตร์ ยังเรียกร้องให้ผู้ตรวจราชการ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรียกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้เร่งตีความตัวบทกฎหมายหลักประกันสุขภาพ ในเรื่องการจ่ายเงินสมทบค่ารักษาพยาบาลว่าขัดกับหลักกฎหมายหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเป็นธรรม และความเท่าเทียมให้แก่ผู้บริโภคในสังคม ทั้งนี้กฎหมายดังกล่าวเหมือนเป็นการมัดมือชก รวมถึงได้รับการรักษาและบริการที่ไม่เท่าเทียมกับผู้ที่อยู่ในระบบประกันสุขภาพอื่น ทั้งที่ได้จ่ายเงินมาโดยตลอด
