วิจัยพบ แรงงานย้ายถิ่นรับจ้างตัดอ้อย สูบยาสูบสูงสุด 40 มวน/วัน ห่วงกลุ่มสุขภาพแรงงาน สูบบุหรี่มวนเอง 87.76% ขณะที่ 78.75% ได้รับควันบุหรี่มือสอง
นายอนุกูล มะโนทน นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย กล่าวถึง การบริโภคยาสูบและการสูบบุหรี่มือสองในกลุ่มแรงงานเกษตรกรรม ว่า ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่างของกลุ่มแรงงานย้ายถิ่นรับจ้างตัดอ้อยในตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 240 คน พบว่า มีกลุ่มแรงงานรับจ้างตัดอ้อย 40.83% สูบยาสูบ โดยมีผู้ชาย 65% สูบยาสูบ ซึ่งมากกว่าสถานการณ์การบริโภคยาสูบโดยรวมถึง 1.6 เท่า และมีผู้หญิง 4.1% สูบยาสูบ ซึ่งมากกว่าสถานการณ์การบริโภคยาสูบโดยรวมถึง 2 เท่า โดยยาสูบส่วนใหญ่ที่สูบเป็นยาเส้นหรือบุหรี่มวนเองถึง 87.76% โดยสูบสูงสุดถึงจำนวน 40 มวน ต่อวัน
“ผู้ประกอบกิจการหรือนายจ้างยังให้การสนับสนุนในการสูบบุหรี่โดยนำมาจำหน่ายหรือแจกแก่คนงานตัดอ้อยและมีการขายบุหรี่ในแคมป์พักด้วย โดยไม่มีการใส่ใจถึงสุขภาพของคนงานว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งกลุ่มแรงงานรับจ้างตัดอ้อย 78.75% ต้องได้รับควันบุหรี่มือสองในที่พักที่ทำงานทุกวัน และ 72.08% ได้รับควันบุหรี่มือสองนอกที่พักที่ทำงานทุกวัน ซึ่งในที่พักหลังจากเลิกงานเรียกว่า “แคมป์พัก” ก็มีการสูบบุหรี่ และตอนทำงานก็มีการสูบบุหรี่ ทำให้ผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ต้องได้รับสารพิษจากควันบุหรี่ไปด้วย” นายอนุกูล กล่าว
ดร.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 มีมาตรการกำหนดชื่อ หรือประเภทของสถานที่สาธารณะที่มีการให้คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ โดยยังไม่ชัดเจนว่าครอบคลุมที่พักที่ต้องใช้ร่วมกันในระหว่างปฏิบัติงาน ทำให้คนที่ไม่สูบบุหรี่ต้องได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นจำนวนมาก ดังนั้น “ควรมีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ในที่พักที่ต้องใช้ร่วมกันในระหว่างปฏิบัติงานด้วย”
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เปิดบริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 แล้ว ดังนั้น ควรจะมีข้อความ “สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600” ปรากฏบนห่อยาเส้นด้วย เพื่อจะได้รับรู้บริการดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นและเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากเลิกสูบบุหรี่
นายอนุกูล มะโนทน นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย กล่าวถึง การบริโภคยาสูบและการสูบบุหรี่มือสองในกลุ่มแรงงานเกษตรกรรม ว่า ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่างของกลุ่มแรงงานย้ายถิ่นรับจ้างตัดอ้อยในตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 240 คน พบว่า มีกลุ่มแรงงานรับจ้างตัดอ้อย 40.83% สูบยาสูบ โดยมีผู้ชาย 65% สูบยาสูบ ซึ่งมากกว่าสถานการณ์การบริโภคยาสูบโดยรวมถึง 1.6 เท่า และมีผู้หญิง 4.1% สูบยาสูบ ซึ่งมากกว่าสถานการณ์การบริโภคยาสูบโดยรวมถึง 2 เท่า โดยยาสูบส่วนใหญ่ที่สูบเป็นยาเส้นหรือบุหรี่มวนเองถึง 87.76% โดยสูบสูงสุดถึงจำนวน 40 มวน ต่อวัน
“ผู้ประกอบกิจการหรือนายจ้างยังให้การสนับสนุนในการสูบบุหรี่โดยนำมาจำหน่ายหรือแจกแก่คนงานตัดอ้อยและมีการขายบุหรี่ในแคมป์พักด้วย โดยไม่มีการใส่ใจถึงสุขภาพของคนงานว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งกลุ่มแรงงานรับจ้างตัดอ้อย 78.75% ต้องได้รับควันบุหรี่มือสองในที่พักที่ทำงานทุกวัน และ 72.08% ได้รับควันบุหรี่มือสองนอกที่พักที่ทำงานทุกวัน ซึ่งในที่พักหลังจากเลิกงานเรียกว่า “แคมป์พัก” ก็มีการสูบบุหรี่ และตอนทำงานก็มีการสูบบุหรี่ ทำให้ผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ต้องได้รับสารพิษจากควันบุหรี่ไปด้วย” นายอนุกูล กล่าว
ดร.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 มีมาตรการกำหนดชื่อ หรือประเภทของสถานที่สาธารณะที่มีการให้คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ โดยยังไม่ชัดเจนว่าครอบคลุมที่พักที่ต้องใช้ร่วมกันในระหว่างปฏิบัติงาน ทำให้คนที่ไม่สูบบุหรี่ต้องได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นจำนวนมาก ดังนั้น “ควรมีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ในที่พักที่ต้องใช้ร่วมกันในระหว่างปฏิบัติงานด้วย”
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เปิดบริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 แล้ว ดังนั้น ควรจะมีข้อความ “สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600” ปรากฏบนห่อยาเส้นด้วย เพื่อจะได้รับรู้บริการดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นและเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากเลิกสูบบุหรี่
