xs
xsm
sm
md
lg

เสนอรัฐผ่างบ สปส.ตั้งองค์กรใหม่ ดูแลสุขภาพแรงงานนอกระบบ 24 ล้านคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
เสนอรัฐผ่างบ สปส.ตั้งองค์กรใหม่ ดูแลแรงงานนอกระบบ 24 ล้านคน  ลดความเหลื่อมล้ำ  เชื่อ ช่วยให้เกิดประโยชน์ด้านบริการสุขภาพมากขึ้น  ขณะที่แรงงานรับจ๊อบทำที่บ้านกว่า 4 แสนคน เตรียมเฮ  พ.ร.บ.คุ้มครองฯจะคลอด พ.ค.นี้  ช่วยคุ้มครองอัตราจ้างขั้นต่ำเทียบเท่าแรงงานในระบบ
 
วันนี้ (27 เม.ย.) นพ.อำพล  จินดาวัฒนะ  เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวในเวที สช.เจาะประเด็น เรื่องสุข-ทุกข์ แรงงานนอกระบบไทยวันนี้  ว่า เนื่องจากใกล้ถึงวันแรงงาน ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พ.ค.ของทุกปี ดังนั้น สช.จึงได้จัดเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องของคุ้มครองสุขภาพและสร้างหลักประกันทางสังคมแก่แรงงานนอกระบบ เพื่อความมั่นคงของแรงงานกลุ่มดังกล่าวให้เท่าเทียมกับคนกลุ่มอื่นในสังคม เนื่องจากปัจจุบัน นี้แรงงานนอกระบบบางคนอาจยังเข้าไม่ถึงระบบบริการสุขภาพ เช่น แรงงานที่ชนบท หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ซึ่งจะเข้าถึงยากกว่าแรงงานในชุมชนเมือง  
 
ด้าน นพ.ภูษิต   ประคองสาย ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลปี 2549-2552 พบว่า จำนวนแรงงานนอกระบบนั้นมีจำนวนสูงถึง 24 ล้านคน หรือคิดเป็น 2 ใน 3 ของแรงงานทั้งหมด ส่วนมากเป็นเกษตรกร  ในชนบท  ขณะที่แรงงานภาคอุตสาหกรรมนั้นนิยมรับงานไปทำที่บ้าน โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไม่มีสัญญาจ้าง ไม่มีกฎหมายคุ้มครองส่งผลให้เกิดผลกระทบหลายด้าน อาทิ  ค่าตอบแทนซึ่งพบว่า แรงงานนอกระบบนั้นมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 3,700 บาท ต่อเดือน ขณะที่แรงงานในระบบนั้นมีรายได้เฉลี่ย 10,800 บาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าถึง 3 เท่า   ขณะที่ปัญหาเรื่องสิทธิค่ารักษาพยาบาลพบว่า แม้แรงงานนอกระบบจะจัดอยู่ในสิทธิรักษาฟรี แต่เนื่องจากต้องทำงานมากกว่า 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์  ทำให้แรงงานมากกว่า 50 % ที่ป่วยหรือไม่สบายไม่นิยมไปรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิที่มีเพราะเกรงว่าจะกระทบต่อเวลางาน  

นพ.ภูษิต กล่าวด้วยว่า  เรื่องของกฎหมายที่จะออกมาคุ้มครองนั้น  หากจะมองถึงความเป็นไปได้เรื่องของการเรียกร้องให้แรงงานนอกระบบมีสิทธิเท่าเทียมแรงงานอื่นๆ  เกรงว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างสำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะรับไม่ไหว เพราะระบบบริหารปัจจุบันที่ดูแลเพียงแรงงานระบบกว่า 9 ล้านคน ก็ยังเกิดปัญหาแล้วหากเพิ่มไปอีก 24 ล้านคน ก็ต้องมีภาระหน้าที่มากขึ้น  อีกทั้งขณะนี้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ สปส.มีบางครั้งแรงงานก็เข้าไม่ถึงข้อมูลด้วยซ้ำ  เนื่องจากแรงงานกลุ่มนี้ไม่ได้มีสำนักงานประจำอยู่ดังนั้นการรับรู้สิทธิต่างๆ ก็ยาก เช่น คนงานก่อสร้างก็ต้องโยกย้ายตัวเองไปที่อื่นเพื่อรับจ้างรายวันเรื่อยๆ ก็ไม่สามารถเข้าถึงข่าวสารได้มากนัก

นอกจากนี้  ความหลากหลายของแรงงานนอกระบบมีมากกว่า ก็จะยากในการจัดการ จึงเห็นว่า ควรที่ตั้งองค์ใหม่ที่รองรับเรื่องสิทธิการรักษาพยาบาลมาดูแลแรงงานนอกระบบต่างหากจะดีกว่า   แล้วก็แบ่งเอางบประมาณครึ่งหนึ่งของ สปส.มาบริหารองค์กร 
 
“องค์กรที่แต่งตั้งขึ้นมาใหม่นี้ จะประกอบไปด้วย หน่วยงานหลัก 1 หน่วยงานแล้ว มีหน่วยงานย่อยเข้ามาดูแลแรงงานประเภทต่างๆ เช่น  หน่วยย่อยที่ 1 ดูแลแรงงานในเมืองที่เป็นภาคอุตสาหกรรมซึ่งรับงานไปทำที่บ้าน   หน่วยย่อยที่ 2 ก็ดูแลภาคเกษตรกรรม  ซึ่งเชื่อว่าหากมีการเผยแพร่ข้อมูลสู่กลุ่มแรงงานที่สามารถรับสิทธิประโยชน์ได้โดยตรง จะก่อเกิดความเท่าเทียมที่แท้จริง”   นพ.ภูษิต กล่าว

นายบัณฑิต   ธนชัยเศรษฐวุฒิ นักวิจัยสิทธิแรงงาน มูลนิธิอารมณ์พงศ์พงัน กล่าวว่า  จากจำนวนแรงงานนอกระบบ 24 ล้านคนนั้น   มีแรงงานจำนวน  4.4 แสนคน เป็นแรงงานในกลุ่มที่รับงานไปทำที่บ้าน ซึ่งกลุ่มนี้จะมีการออก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ.2553 เตรียมประกาศใช้ในเดือน พ.ค.นี้ โดยกำหนดว่า  หากแรงงานสามารถทำงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องได้รับค่าจ้างเทียบเท่าค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานในระบบที่ทำงานตามภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ต้องเร่งผลักดันประโยชนแก่กลุ่มอื่นด้วย

ด้าน  รศ.ดร.วรวิทย์   เจริฐเลิศ  อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  กล่าวว่า ความพยายามที่จะนำเข้าสู่ประกันสังคมนั้น  อาจทำได้แต่ต้องไม่ด้อยกว่าแรงงานในระบบ  เพราะไม่อย่างนั้นจะเกิดความเหลื่อมล้ำแน่นอน    แต่ขณะนี้ปัญหา คือ แรงงานนอกระบบนั้นยังมีความหลากหลายทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม แผงลอย หาบเร่  ฯลฯ   ดังนั้น เรื่องการจะเร่งกำหนดค่าแรงขั้นต่ำไม่ใช่เรื่องง่าย    จึงอยากให้ทบทวนเรื่องรายละเอียดของเรื่องดังกล่าวให้ดีด้วย
 
กำลังโหลดความคิดเห็น