อย.เดินหน้าคุมเข้มอาหารนำเข้าจากเกาะฮอนชู สุ่มตรวจปลาล็อตใหญ่ อยู่ระหว่างการตรวจสารปนเปื้อน ส่วนกรณีมันเทศนำเข้าเปื้อนกัมมันตรังสี สั่งบริษัทนำเข้าเก็บสินค้า 80 วัน ก่อนทำลาย เหตุรังสีสามารถปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมได้ ต้องรอสารเจือจาง
วันนี้ (29) ภก.ชาญชัย เอื้อชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักด่านอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ตรวจอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่ด่านศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง ว่า การตรวจสินค้าล็อตนี้เป็นสินค้านำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.และเพิ่งเดินทางเข้ามาถึงประเทศไทย ในเช้าวันนี้ (29 มี.ค.) ซึ่งตามมาตรการเฝ้าระวังสารกัมมันตภาพรังสีปนเปื้อน จะต้องเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจความปลอดภัยก่อน โดยพบสินค้าที่นำเข้านั้นเป็นปลาทูน่าสคิปแจ็ค จำนวน 21 ตัน จากเมืองโยโกฮามา เกาะฮอนชู นำเข้าโดย บริษัท เซ้าท์อีสเอเชีย แพ็กแกตจิ้ง แอนด์แคนดิ้ง ลิมิเต็ด จำกัด ซึ่งจะนำไปส่งให้โรงงานอุตสาหกรรมปลากระป๋อง โดยในแต่ละปีมีการนำเข้าประมาณ 5,000 ตัน ส่วนใหญ่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง ทั้งนี้ จากการพบปริมาณการปนเปื้อนในน้ำทะเลแถบประเทศญี่ปุ่นตอนเหนือมากขึ้น จะมีการติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีสัญญาณที่อันตรายมากขึ้น อาจต้องพิจารณาเพิ่มประเทศที่ต้องสุ่มตรวจสินค้า เช่น เกาหลี จีน ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณการปนเปื้อนขยายวงกว้างกว่าเดิม โดยการส่งตัวอย่างสินค้าตรวจจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
“สำหรับมาตรการเฝ้าระวังในผัก ผลไม้ ยังคงดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป หากพบการปนเปื้อนก็จะอายัดเพื่อทำลายต่อไป ส่วนมันเทศที่พบการปนเปื้อน ขณะนี้สินค้าได้อายัดไว้ที่บริษัทซึ่งนำเข้ามา ยังไม่มีการทำลาย เพราะกัมมันตรังสี เป็นสารที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมได้ การทำลายจึงอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงให้บริษัทผู้นำเข้าเก็บสินค้าไว้ก่อนราว 80 วัน เพื่อไม่ให้การทำลายเกิดการปนเปื้อนของรังสีเข้าสู่สิ่งแวดล้อม เพราะสารไอโอดีน 131 มีอายุครึ่งชีวิตเพียง 8 วัน และจะสลายไปตามเวลา” ภก.ชาญชัย กล่าว
ภก.ชาญชัย กล่าวต่อว่า ระหว่างนี้บริษัทผู้นำเข้าจะไม่สามารถเคลื่อนย้าย หรือทำลายได้โดยพละการ จะถือว่ามีความผิด ซึ่งได้ประสานสำนักปรมาณูเพื่อสันติ เพื่อกำจัดสินค้าที่ปนเปื้อนอย่างถูกวิธีต่อไป อย่างไรก็ตาม รังสีที่แผ่ออกมาจากอาหารถือว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากรับประทานจะส่งผลต่อเซลล์ในร่างกายโดยตรง
