คุรุสภา ร่วมมือ ก.ค.ศ.แก้ปัญหาบรรจุครูรับราชการ หวั่นลดปัญหาฟ้องร้อง สรุปให้ผู้จบครู ใช้ใบรับรองสิทธิในการสมัครสอบแข่งขัน โดยกำหนดอายุไว้ 60 วัน ป้องกันคนหัวหมอนำมาปลอมแปลงขอใบอนุญาตฯ ส่วนกรณีผู้สอบบรรจุได้ก็ให้ใช้ใบอนุญาตฯ ฉบับจริงเป็นหลักฐานในการบรรจุรับราชการ ฝากสถาบันอุดมศึกษาเร่งอนุมัติวุฒิการศึกษาให้แก่บัณฑิตครู
วันนี้ (23 มี.ค.) นายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในตำแหน่งครูผู้ช่วยในวันที่ 4-10 เม.ย.นี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยกับในปีที่แล้วที่ได้เกิดปัญหาผู้สอบได้ฟ้องร้อง เนื่องจากเสียสิทธิไม่สามารถบรรจุเป็นข้าราชการครูได้เพราะไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเพราะสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาและสำนักงาน ก.ค.ศ.มีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องการใช้หลักฐานในการบรรจุโดยทางคุรุสภาเห็นว่าตามขัอบังคับคุรุสภาว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพพ.ศ.2547 และข้อบังคับว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพพ.ศ.2548 สามารถใช้หนังสือรับรองสิทธิเป็นหลักฐานในการบรรจุได้ ขณะที่ ก.ค.ศ.ยืนยันต้องใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตัวจริงเท่านั้น อีกทั้งสถาบันการศึกษาอนุมัติวุฒิการศึกษาล่าช้า
นายองค์กร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ตนกับนางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ.จึงได้หารือกันในเรื่องนี้และได้ข้อสรุปร่วมกัน ว่า ให้ผู้สำเร็จการศึกษาครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ใช้ใบรับรองสิทธิในการสมัครสอบแข่งขันโดยจากเดิมที่ไม่มีการกำหนดอายุใบรับรองสิทธิไว้ ก็จะมีการกำหนดอายุไว้ในใบรับรองสิทธิให้ชัดเจนโดยมีอายุใช้ได้เพียง 60 วัน เพราะที่ผ่านมาเมื่อไม่ได้กำหนดอายุใบรับรองสิทธิไว้ก็จะมีการนำไปปลอมแปลง เพื่อใช้เป็นใบอนุญาตปฏิบัติการสอนโดยไม่ได้มีการมาขอใบอนุญาตฯและตรวจสอบได้ยาก เพราะมีการออกใบรับรองสิทธิไปเป็นจำนวนมาก และกรณีผู้สอบบรรจุได้ก็ให้ใช้ใบอนุญาตฯฉบับจริงเป็นหลักฐานในการบรรจุรับราชการครู นอกจากนี้ ขอฝากไปถึงสถาบันอุดมศึกษาให้เร่งอนุมัติวุฒิการศึกษาให้แก่บัณฑิตครูด้วย
“ผมจะนำเรื่องนี้เสนอขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภาในวันที่ 24 มี.ค.นี้ รวมทั้งจะเสนอขอปรับเปลี่ยนคณะอนุกรรมการด้านมาตรฐานวิชาชีพไปเป็นอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบใบอนุญาตฯ เพื่อให้สามารถขออนุมัติงบดำเนินการในเรื่องนี้โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้จะลงพื้นที่ตรวจสอบว่าในโรงเรียนต่างๆ มีครูใช้ใบอนุญาตฯปลอมหรือไม่ ในช่วงเปิดเทอมภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 หรือเดือน พ.ค.นี้ รวมทั้งจะประสานไปยัง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการคุรุสภาเขตพื้นที่ฯ ช่วยตรวจสอบด้วยอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ามีครูโรงเรียนเอกชนมาขอใบอนุญาตฯ เป็นจำนวนมาก จึงขอฝากไปยังเขตพื้นที่การศึกษาเมื่อประกาศผลสอบครูผู้ช่วยแล้ว ขอให้เร่งส่งรายชื่อมายังคุรุสภาเพื่อจะได้ตรวจสอบและเร่งออกใบอนุญาตฯ ให้แก่ผู้สอบบรรจุได้” เลขาธิการคุรุสภา กล่าว
นายองค์กร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้คุรุสภายังได้อำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาบัณฑิครูและครูเข้ามาขอใบอนุญาตฯ พร้อมกันจำนวนมากเช่นปีที่ผ่านมา ทะลักเข้ามาใช้บริการที่คุรุสภาส่วนกลางถึง 3,000 คน แต่ปีนี้สูงสุดไม่เกิน 500 คนต่อวัน ด้วยการจัดตั้งคุรุสภาเขตพื้นที่ขึ้นมา 185 เขต และเปิดให้บริการแก่บัณฑิตครู ข้าราชการครูมายื่นขอขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตฯ ขอต่อใบอนุญาตฯได้ ซึ่งขณะนี้เริ่มดำเนินการแล้วใน 165 เขต จะเปิดให้บริการครบ 185 เขตในเดือน ต.ค.นี้ อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ 100 แห่ง ให้ส่งข้อมูลผู้สำเร็จการศึกษาด้านครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์หลักสูตร 5 ปีและประกาศนียบัตรบัณฑิต (ป.บัณฑิต) ผ่านโปรแกรม KSP มาให้คุรุสภาเพื่อเร่งตรวจสอบและออกใบอนุญาตฯซึ่งจะส่งกลับไปให้มหาวิทยาลัยด้วย อีกทั้งคุรุสภาจะเปิดให้บริการขอขึ้นทะเบียนออกใบอนุญาตฯ ขอต่อใบอนุญาตฯ ทุกวันเวลา และเปิดบริการพิเศษในวันที่ 26-27 มี.ค., วันที่ 2-3 เม.ย., วันที่ 9-10 เม.ย.และวันที่ 23-24 เม.ย.นี้ เวลา 08.30-16.00 น.