“ชินภัทร” สั่ง สพฐ.เวียนหนังสือทำความเข้าใจปฏิทินรับนักเรียนปี 2554 พร้อมเรียกเขตพื้นที่-ผอ.ร.ร.ดังซักซ้อมทำความเข้าใจ เน้นหนักประกาศรายชื่อนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ หวังเกณฑ์ ม.3 ขึ้น ม.4 ตามศักยภาพ ช่วยเด็กได้ที่เรียนที่เหมาะสม ยันต้องใช้เวลากว่าจะลงตัว เล็งรับ ม.1 น้อยลง เพิ่ม ม.4 ในอนาคต ลดแรงเสียดทานเรียนต่อชั้นม.ปลาย
วันนี้ (15 มี.ค.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ทำหนังสือแจ้งเวียนเกี่ยวกับปฎิทินการรับนักเรียนเพิ่มเติม ปี 2554 ไปยังโรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง โดยในวันที่ 17 มี.ค.จะมีการเชิญผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (ผอ.สพป.) และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (ผอ.สพม.) รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง 366 แห่ง มาประชุมซักซ้อมถึงแนวทางการปฏิบัติเรื่องการรับนักเรียนประจำปี 2554 เนื่องจากยังมีกิจกรรมบางส่วนที่ต้องดำเนินการโดยเฉพาะการประกาศรายชื่อการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 มี.ค. และการสอบชั้น ม.1 ในวันที่ 19 มี.ค. และสอบ ม.4 วันที่ 20 มี.ค. และประกาศผล ม.1 วันที่ 22 มี.ค. และ ม.4 วันที่ 24 มี.ค. และจับฉลากชั้น ม.1 ในวันที่ 27 มี.ค. สำหรับการสละสิทธิ์ของนักเรียนชั้น ม.1 ทั้งในส่วนของนักเรียนเงื่อนไขพิเศษและสอบทั่วไปนั้นจะใช้หลักการโดยการให้เรียกนักเรียนจากบัญชีสำรองขึ้นมาแทน และจะประกาศผลในวันที่ 30 มี.ค.
นายชินภัทร กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีนักเรียนที่จบชั้น ม.3 และจะต่อชั้น ม.4 โรงเรียนเดิมที่ยังมีการปัญหาการร้องเรียนอยู่ในขณะนี้นั้น โดยตามระเบียบวิธีการรับนักเรียนจบชั้นม.3 ต่อ ม.4 ได้แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ การให้โรงเรียนจัดทำแผนการรับนักเรียนชั้น ม.4 และการให้รับนักเรียนชั้น ม.3 ที่มีศักยภาพเหมาะสมให้เต็มแผนการรับร้อยละ 80 และอีกไม่เกินร้อยละ 20 ให้เปิดรับนักเรียนจากภายนอกโดยการสอบ ซึ่งในโรงเรียนขยายโอกาส และโรงเรียนเอกชนมีผู้จบชั้น ม.3 และจำเป็นที่อยากจะหาที่เรียนที่เหมาะสม ดังนั้นช่องว่างที่เปิดโอกาสก็เป็นการเปิดให้นักเรียนจากภายนอกได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนที่มีการอัตราการแข่งขันสูงเช่นกัน เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาหากนักเรียนฝืนที่จะเรียนต่อในสายสามัญแต่มีเกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 1.5 ก็จะส่งผลให้เด็กเรียนต่อชั้น ม.ปลายอย่างไม่มีความสุข ซึ่งไม่เกิดผลดีกับตัวเด็กอย่างแน่นอน
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของโรงเรียนที่จะต้องพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรม ปัญหาเรื่องนี้คงไม่สามารถแก้ไขได้ภายในปีเดียวยังต้องใช้ระยะเวลา และในอนาคต สพฐ.มีแผนว่า จะลดการรับม.1 ให้น้อยลงและรับม.4 เพิ่มขึ้น หากเป็นแบบนี้ถือว่าตัวป้อนจากต้นทางจะน้อยลง ซึ่งเท่ากับว่าจะส่งผลให้ต่อไปการจบชั้น ม.3 จะลดแรงเสียดทานในการต่อชั้นม.4 ได้ แต่ปีนี้เปลี่ยนกฎเกณฑ์การรับฝากเด็กอย่างเข้มข้น ยังไม่อยากใส่ตัวแปรอะไรเข้าไป จึงอยากให้ทุกโรงเรียนคงจำนวนรับ ม.1 ไว้เท่าเดิม หากลดรับ ม.1 ก็จะต้องมีแผนว่าในปีต่อๆ ไปจะมีแผนการปรับลดอย่างไร ซึ่งจะต้องประสานกับ กทม. และโรงเรียนเอกชนว่าจะต้องมีแผนหลักประกันว่าเด็กทุกคนต้องมีที่เรียนด้วย” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
วันนี้ (15 มี.ค.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ทำหนังสือแจ้งเวียนเกี่ยวกับปฎิทินการรับนักเรียนเพิ่มเติม ปี 2554 ไปยังโรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง โดยในวันที่ 17 มี.ค.จะมีการเชิญผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (ผอ.สพป.) และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (ผอ.สพม.) รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง 366 แห่ง มาประชุมซักซ้อมถึงแนวทางการปฏิบัติเรื่องการรับนักเรียนประจำปี 2554 เนื่องจากยังมีกิจกรรมบางส่วนที่ต้องดำเนินการโดยเฉพาะการประกาศรายชื่อการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 มี.ค. และการสอบชั้น ม.1 ในวันที่ 19 มี.ค. และสอบ ม.4 วันที่ 20 มี.ค. และประกาศผล ม.1 วันที่ 22 มี.ค. และ ม.4 วันที่ 24 มี.ค. และจับฉลากชั้น ม.1 ในวันที่ 27 มี.ค. สำหรับการสละสิทธิ์ของนักเรียนชั้น ม.1 ทั้งในส่วนของนักเรียนเงื่อนไขพิเศษและสอบทั่วไปนั้นจะใช้หลักการโดยการให้เรียกนักเรียนจากบัญชีสำรองขึ้นมาแทน และจะประกาศผลในวันที่ 30 มี.ค.
นายชินภัทร กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีนักเรียนที่จบชั้น ม.3 และจะต่อชั้น ม.4 โรงเรียนเดิมที่ยังมีการปัญหาการร้องเรียนอยู่ในขณะนี้นั้น โดยตามระเบียบวิธีการรับนักเรียนจบชั้นม.3 ต่อ ม.4 ได้แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ การให้โรงเรียนจัดทำแผนการรับนักเรียนชั้น ม.4 และการให้รับนักเรียนชั้น ม.3 ที่มีศักยภาพเหมาะสมให้เต็มแผนการรับร้อยละ 80 และอีกไม่เกินร้อยละ 20 ให้เปิดรับนักเรียนจากภายนอกโดยการสอบ ซึ่งในโรงเรียนขยายโอกาส และโรงเรียนเอกชนมีผู้จบชั้น ม.3 และจำเป็นที่อยากจะหาที่เรียนที่เหมาะสม ดังนั้นช่องว่างที่เปิดโอกาสก็เป็นการเปิดให้นักเรียนจากภายนอกได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนที่มีการอัตราการแข่งขันสูงเช่นกัน เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาหากนักเรียนฝืนที่จะเรียนต่อในสายสามัญแต่มีเกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 1.5 ก็จะส่งผลให้เด็กเรียนต่อชั้น ม.ปลายอย่างไม่มีความสุข ซึ่งไม่เกิดผลดีกับตัวเด็กอย่างแน่นอน
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของโรงเรียนที่จะต้องพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรม ปัญหาเรื่องนี้คงไม่สามารถแก้ไขได้ภายในปีเดียวยังต้องใช้ระยะเวลา และในอนาคต สพฐ.มีแผนว่า จะลดการรับม.1 ให้น้อยลงและรับม.4 เพิ่มขึ้น หากเป็นแบบนี้ถือว่าตัวป้อนจากต้นทางจะน้อยลง ซึ่งเท่ากับว่าจะส่งผลให้ต่อไปการจบชั้น ม.3 จะลดแรงเสียดทานในการต่อชั้นม.4 ได้ แต่ปีนี้เปลี่ยนกฎเกณฑ์การรับฝากเด็กอย่างเข้มข้น ยังไม่อยากใส่ตัวแปรอะไรเข้าไป จึงอยากให้ทุกโรงเรียนคงจำนวนรับ ม.1 ไว้เท่าเดิม หากลดรับ ม.1 ก็จะต้องมีแผนว่าในปีต่อๆ ไปจะมีแผนการปรับลดอย่างไร ซึ่งจะต้องประสานกับ กทม. และโรงเรียนเอกชนว่าจะต้องมีแผนหลักประกันว่าเด็กทุกคนต้องมีที่เรียนด้วย” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
