ผอ.พศ.หนุนให้ระบุศาสนาไว้ในบัตรประชาชน ชี้ ช่วยให้รู้ว่าบุคคลนั้นนับถือศาสนาใด เป็นฐานข้อมูลไปพัฒนาชุมชนสร้างโรงเรียนให้เหมาะกับกลุ่มศาสนา ไม่เห็นด้วยกับการตัดหมู่เลือดออกไป ย้ำเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือฉุกเฉินสามารถช่วยในการรักษา ขอรับเลือดบริจาคได้รวดเร็ว ด้านที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ เผยไม่เข้าใจว่าคนเขียนกฎกระทรวงมหาดไทยต้องการอะไรกันแน่
วันนี้ (8 มี.ค.)นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีที่สมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ เรียกร้องผ่านคณะอนุกรรมกรรมาธิการกิจการพระพุทธศาสนา ในคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้มีการระบุศาสนาไว้ในบัตรประจำตัวประชาชนอีกครั้ง หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยตัดออกไปว่า นายอดิศักดิ์ วรรณสิน นายกสมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ ได้ยื่นเรื่องนี้เข้ามาที่ พศ.ด้วย แต่ พศ.พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย จึงไม่ได้รับไว้เสนอเข้าสู่การประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งทราบว่าขณะนี้เรื่องดังกล่าวส่งไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว สำหรับส่วนตัวเห็นว่าการระบุศาสนาพุทธในบัตรประจำตัวประชาชนควรจะคงไว้
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า การระบุศาสนาในบัตรประจำตัวประชาชน จะทำให้รู้ว่าบุคคลนับถือศาสนาใดและจะได้รู้วิธีปฏิบัติ เช่น เวลาเดินทางเครื่องบิน การรับประทานอาหารต้องแยกตามหลักศาสนา ซึ่งจะสามารถดูได้จากบัตรประชาชน นอกจากนี้ จะทำให้ศึกษาข้อมูลเฉพาะเรื่องของกลุ่มประชากร ว่ามีทิศทางนับถือศาสนาใด รวมทั้งสามารถนำฐานข้อมูลดังกล่าวไปพัฒนาชุมชน ตลอดจนการสร้างโรงเรียนให้เหมาะกับกลุ่มศาสนาด้วย
นายนพรัตน์ กล่าวอีกว่า ตนยังไม่เห็นด้วยกรณีการตัดหมู่เลือดออกจากบัตรประจำตัวประชาชน รุ่นใหม่ที่เป็นแผ่นชิป (สมาร์ทการ์ด) เนื่องจากเห็นว่า ในเวลาเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉิน จะทำให้รู้ว่าผู้บาดเจ็บมีหมู่เลือดใด เพื่อทำการรักษาและขอรับการบริจาคเลือดได้ด้วยความรวดเร็ว แต่หากไม่ได้ระบุไว้ เวลาเกิดปัญหาขึ้น ก็จะต้องเสียเวลาในการสอบประวัติผู้ป่วย
“ขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทยยังไม่มีการประสานงานมายัง พศ.และคาดว่า คงไม่มีการนำเข้าสู่ที่ประชุม มส.ด้วย เนื่องจากทางพระเถรานุเถระ เห็นว่า เป็นเรื่องของทางราชการที่ต้องใช้วิจารณญาณดำเนินการ เพราะที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทะเบียนบ้านของพระสงฆ์ ที่ให้ใช้คำว่า นาย แทนคำว่า พระ ทั้งที่ คำนำหน้านามของพระสงฆ์บางรูป มีสมณศักดิ์ที่เป็นนามพระราชทาน กว่าที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร”ผอ.พศ.กล่าว
ขณะที่พระมหา ดร.โชว์ ทัสสนีโย ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าคนที่เขียนกฎกระทรวงฉบับนี้ขึ้นมาเขาต้องการอะไรกันแน่ เมื่อก่อนถึงจะไม่มีระบุในบัตรประชาชนเราก็ยังพอจะหาจำนวนประชากรพุทธในทะเบียนบ้านได้ แต่หลังปี 2545 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้นได้สั่งให้ยกเลิกไป ปัจจุบันในทะเบียนบ้านไม่มีระบุไว้แล้วว่าใครนับถือศาสนาอะไร ซึ่งตนเชื่อว่าทุกศาสนา ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู ต่างอยากรู้ด้วยกันทั้งนั้นว่าศาสนิกชนของตนมีกี่เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด
วันนี้ (8 มี.ค.)นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีที่สมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ เรียกร้องผ่านคณะอนุกรรมกรรมาธิการกิจการพระพุทธศาสนา ในคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้มีการระบุศาสนาไว้ในบัตรประจำตัวประชาชนอีกครั้ง หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยตัดออกไปว่า นายอดิศักดิ์ วรรณสิน นายกสมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ ได้ยื่นเรื่องนี้เข้ามาที่ พศ.ด้วย แต่ พศ.พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย จึงไม่ได้รับไว้เสนอเข้าสู่การประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งทราบว่าขณะนี้เรื่องดังกล่าวส่งไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว สำหรับส่วนตัวเห็นว่าการระบุศาสนาพุทธในบัตรประจำตัวประชาชนควรจะคงไว้
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า การระบุศาสนาในบัตรประจำตัวประชาชน จะทำให้รู้ว่าบุคคลนับถือศาสนาใดและจะได้รู้วิธีปฏิบัติ เช่น เวลาเดินทางเครื่องบิน การรับประทานอาหารต้องแยกตามหลักศาสนา ซึ่งจะสามารถดูได้จากบัตรประชาชน นอกจากนี้ จะทำให้ศึกษาข้อมูลเฉพาะเรื่องของกลุ่มประชากร ว่ามีทิศทางนับถือศาสนาใด รวมทั้งสามารถนำฐานข้อมูลดังกล่าวไปพัฒนาชุมชน ตลอดจนการสร้างโรงเรียนให้เหมาะกับกลุ่มศาสนาด้วย
นายนพรัตน์ กล่าวอีกว่า ตนยังไม่เห็นด้วยกรณีการตัดหมู่เลือดออกจากบัตรประจำตัวประชาชน รุ่นใหม่ที่เป็นแผ่นชิป (สมาร์ทการ์ด) เนื่องจากเห็นว่า ในเวลาเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉิน จะทำให้รู้ว่าผู้บาดเจ็บมีหมู่เลือดใด เพื่อทำการรักษาและขอรับการบริจาคเลือดได้ด้วยความรวดเร็ว แต่หากไม่ได้ระบุไว้ เวลาเกิดปัญหาขึ้น ก็จะต้องเสียเวลาในการสอบประวัติผู้ป่วย
“ขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทยยังไม่มีการประสานงานมายัง พศ.และคาดว่า คงไม่มีการนำเข้าสู่ที่ประชุม มส.ด้วย เนื่องจากทางพระเถรานุเถระ เห็นว่า เป็นเรื่องของทางราชการที่ต้องใช้วิจารณญาณดำเนินการ เพราะที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทะเบียนบ้านของพระสงฆ์ ที่ให้ใช้คำว่า นาย แทนคำว่า พระ ทั้งที่ คำนำหน้านามของพระสงฆ์บางรูป มีสมณศักดิ์ที่เป็นนามพระราชทาน กว่าที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร”ผอ.พศ.กล่าว
ขณะที่พระมหา ดร.โชว์ ทัสสนีโย ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าคนที่เขียนกฎกระทรวงฉบับนี้ขึ้นมาเขาต้องการอะไรกันแน่ เมื่อก่อนถึงจะไม่มีระบุในบัตรประชาชนเราก็ยังพอจะหาจำนวนประชากรพุทธในทะเบียนบ้านได้ แต่หลังปี 2545 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้นได้สั่งให้ยกเลิกไป ปัจจุบันในทะเบียนบ้านไม่มีระบุไว้แล้วว่าใครนับถือศาสนาอะไร ซึ่งตนเชื่อว่าทุกศาสนา ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู ต่างอยากรู้ด้วยกันทั้งนั้นว่าศาสนิกชนของตนมีกี่เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด
