สบส.ชี้ มีหมอเกี่ยวข้อง กรณีสาวญวนอุ้มบุญ 2 ราย ส่งผลสรุปให้แพทยสภาแล้ว ส่วนผลสอบสถานพยาบาลเกี่ยวข้องพบ มี 2 แห่ง แจงขณะนี้มีสาวรับจ้างอุ้มบุญ ใกล้คลอดอีก 2 ราย ด้าน นายกแพทยสภาวอนพ่อเด็กรับผิดชอบ เกรงเด็กมีปัญหาทางสังคม
วันนี้ (8 มี.ค.) นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบสถานพยาบาล และแพทย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทชาวไต้หวันที่หลอกสาวชาวเวียดนามมารับจ้างตั้งท้องให้กับเศรษฐีชาวไต้หวัน โดยใช้สถานที่ในประเทศไทย ว่า ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้สรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว เพื่อขอสอบพยานล่วงหน้า ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้เกรงว่าหญิงชาวเวียดนามอีก 2 คน ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 36 สัปดาห์ อาจจะต้องทำการคลอดในประเทศไทย ก่อนส่งตัวกลับ ขณะนี้ได้ขอให้โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานีคอยให้การดูแลอยู่
ในส่วนของการตรวจสอบแพทย์ และสถานพยาบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น พบว่า มีแพทย์ที่เกี่ยวข้อง 2 ราย และได้ส่งเอกสารการสอบสวนแพทย์ทั้ง 2 ราย ให้แพทยสภาพิจารณาแล้ว ซึ่งแพทยสภาจะมีการพิจารณาในวันที่ 10 มีนาคม นี้ เพื่อดูว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลหรือไม่ ในส่วนของสถานพยาบาลนั้น ก็พบว่า มีสถานพยาบาลที่เกี่ยวข้องประมาณ 2 แห่งเช่นกัน ซึ่งกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งพบว่า สถานพยาบาลดังกล่าวมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แต่ขอย้ำว่า ยังไม่สามารถสรุปว่าผิดจริงได้ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ขอเวลาในการรวบรวมข้อมูล
ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ นายกแพทยสภา กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงชีวิตเด็กที่อยู่ในครรภ์ของหญิงชาวเวียดนาม จึงอยากให้พ่อของเด็กที่เป็นชาวไต้หวันแสดงตน เพื่อรับบุตรไปเลี้ยง ซึ่งส่วนตัวมองว่า พ่อของเด็กไม่น่าจะมีความผิดถ้าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการบังคับให้มีการอุ้มบุญ โดยเห็นว่าพ่อของเด็กน่าจะเป็นคนมีฐานะ การรับบุตรไปเลี้ยงจะทำให้เด็กมีอนาคตที่ดี หากปล่อยให้เด็กถูกเลี้ยงตามยถากรรมอาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมในอนาคตได้ ทั้งนี้ หากหญิงชาวเวียดนามประสงค์จะทำแท้ง ไม่น่าจะทำได้ เนื่องจากไม่ได้ถูกข่มขืน กระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา ที่กำหนดให้ยุติการตั้งครรภ์ได้