“ศศิธารา” นั่งรักษาการ ผอ.สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมตั้งกรรมการสรรหาบอร์ดทันที คาดเสร็จสิ้น มี.ค.นี้ แล้วค่อยสรรหา ผอ.ตัวจริง ชี้ ทุกอย่างต้องลงตัวก่อน มี.ค.55 เผยเตรียมผันงบ สอศ.ขับเคลื่อนสถาบัน ก่อนชง ครม.ขอตั้งงบปี 55 แทน 200 ล.ยันพร้อมส่ง 5 สาขารับรอง เด็กเทสสมรรถนะผ่านได้ปรับเงินเดือนเกือบเท่าตัว
น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อเร็วๆ นี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติ ร่าง พ.ร.ฎ.จัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ... ซึ่งขณะนี้ในพระราชกฤษฎีการะบุให้ เลขาธิการ กอศ.ทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิฯ ไปก่อน จนกว่าจะมีการจัดตั้งแล้วเสร็จ เพราะฉะนั้นหลังจากที่มีการนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา อีก 30 วัน จะต้องตั้งกรรมการคัดเลือก คณะกรรมการ (บอร์ด) สถาบันคุณวุฒิฯ ให้เสร็จสิ้น ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงแรงงาน สภาอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) หอการค้า และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย
น.ส.ศศิธารา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ บอร์ดสถาบันคุณวุฒิฯ จะประกอบด้วย ประธานซึ่งเป็นคนนอก 1 คน มีผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คน เพื่อให้ไปดำเนินการสรรหากรรมการบอร์ดต่อไป ซึ่งการสรรหานี้ต้องทำให้เสร็จภายใน 45 วัน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะดำเนินการคัดเลือกได้สำเร็จภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ จากนั้นจะได้เสนอชื่อให้ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แต่งตั้ง และจากนั้นจะได้ดำเนินการสรรหาตัวผู้อำนวยการสถาบันต่อไป ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 365 วัน คือ อย่างช้าที่สุดต้องเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 31 มี.ค.2555 หรืออาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ ซึ่งระหว่างนี้ตนก็จะรักษาการผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิฯ ไปก่อน
น.ส.ศศิธารา กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนรักษาการ ผอ.สถาบันคุณวุฒิฯ จะสามารถดำเนินการเรื่องบริหารงบประมาณได้ทันที โดยจากนี้ไปจนถึงเดือน ก.ย.2554 จะมีการจัดสรรงบประมาณให้กับสถาบันคุณวุฒิฯ ทั้งในเรื่องการบริหารจัดการ ค่าตอบแทนลูกจ้าง เบี้ยประชุมต่างๆ โดยให้จัดสรรงบจาก สอศ.ไปใช้ก่อน และหลังจากนี้ตนจะทำหนังสือเสนอเข้า ครม.โดยให้ รมว.ศธ.ลงนามเพื่อให้ สอศ.ตั้งงบ ปี 2555 แทนสถาบันคุณวุฒิฯ ในวงเงิน 200 ล้านบาท ซึ่งได้เตรียมการในส่วนรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ จะมีการประชุมจัดทำโครงสร้างต่างๆ ของสถาบันคุณวุฒิฯ ไปพร้อมกัน เช่น ฝ่ายติดตาม ฝ่ายพัฒนามาตรฐาน ฝ่ายรับรอง ตรวจสอบคุณวุฒิ เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามที่พระราชกฤษฎีการะบุไว้
น.ส.ศศิธารา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ สอศ.มีหลักสูตรที่พร้อมให้สถาบันคุณวุฒิฯ ดำเนินการรับรองแล้ว 5 หลักสูตร ได้แก่ แม่พิมพ์โลหะ และ พลาสติก, ยานยนต์, ไฟฟ้า และ อิเล็กทรอนิกส์, การโรงแรม ภัตตาคาร และ อุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อสัตว์ โดยจะนำหลักสูตรเหล่านี้มาจัดการเรียนการสอนให้ทันในปีการศึกษา 2554 นี้ ซึ่งหากมีการรับรองมาตรฐานแล้วผู้ที่จบในสาขาวิชาชีพนั้นๆ จะได้จัดสอบสมรรถนะตามที่เรียนมา ซึ่งต้องผ่านตามมาตรฐานที่สถาบันคุณวุฒิฯ กำหนด เช่น ในวิชาชีพแม่พิมพ์ ขณะนี้มาตรฐานสมรรถนะอยู่ที่ระดับ T3 หรือเทียบเท่ากับหลักสูตร ปวส.1 ซึ่งหากนักศึกษาผ่านการทดสอบสมรรถนะตามมาตรฐานดังกล่าว จะได้รับค่าตอบแทนการทำงานเริ่มที่ 12,000 บาท ซึ่งหากเทียบกับระดับ ปวส.เดิมจะอยู่ที่ 7,000 บาท เป็นต้น ซึ่งมาตรฐานทั้งหมดนี้สถาบันคุณวุฒิฯ จะรับรองและออกประกาศให้ทราบอย่างชัดเจน
“ภายในปี 2558 ประเทศในกลุ่มอาเซียนจะต้องจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิฯ ให้ครบแล้วจะต้องมาลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันให้เป็นไปตามกรอบของอาเซียน ในการเปิดเสรีด้านบริการ คือการเคลื่อนย้ายบุคลากร นั่นหมายความว่าต่อไป แรงงานที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ มีใบอนุญาตจากกระทรวงแรงงาน ก็จะสามารถเดินทางไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ทันที” เลขาธิการ กอศ.กล่าว
น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อเร็วๆ นี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติ ร่าง พ.ร.ฎ.จัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ... ซึ่งขณะนี้ในพระราชกฤษฎีการะบุให้ เลขาธิการ กอศ.ทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิฯ ไปก่อน จนกว่าจะมีการจัดตั้งแล้วเสร็จ เพราะฉะนั้นหลังจากที่มีการนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา อีก 30 วัน จะต้องตั้งกรรมการคัดเลือก คณะกรรมการ (บอร์ด) สถาบันคุณวุฒิฯ ให้เสร็จสิ้น ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงแรงงาน สภาอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) หอการค้า และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย
น.ส.ศศิธารา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ บอร์ดสถาบันคุณวุฒิฯ จะประกอบด้วย ประธานซึ่งเป็นคนนอก 1 คน มีผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คน เพื่อให้ไปดำเนินการสรรหากรรมการบอร์ดต่อไป ซึ่งการสรรหานี้ต้องทำให้เสร็จภายใน 45 วัน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะดำเนินการคัดเลือกได้สำเร็จภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ จากนั้นจะได้เสนอชื่อให้ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แต่งตั้ง และจากนั้นจะได้ดำเนินการสรรหาตัวผู้อำนวยการสถาบันต่อไป ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 365 วัน คือ อย่างช้าที่สุดต้องเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 31 มี.ค.2555 หรืออาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ ซึ่งระหว่างนี้ตนก็จะรักษาการผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิฯ ไปก่อน
น.ส.ศศิธารา กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนรักษาการ ผอ.สถาบันคุณวุฒิฯ จะสามารถดำเนินการเรื่องบริหารงบประมาณได้ทันที โดยจากนี้ไปจนถึงเดือน ก.ย.2554 จะมีการจัดสรรงบประมาณให้กับสถาบันคุณวุฒิฯ ทั้งในเรื่องการบริหารจัดการ ค่าตอบแทนลูกจ้าง เบี้ยประชุมต่างๆ โดยให้จัดสรรงบจาก สอศ.ไปใช้ก่อน และหลังจากนี้ตนจะทำหนังสือเสนอเข้า ครม.โดยให้ รมว.ศธ.ลงนามเพื่อให้ สอศ.ตั้งงบ ปี 2555 แทนสถาบันคุณวุฒิฯ ในวงเงิน 200 ล้านบาท ซึ่งได้เตรียมการในส่วนรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ จะมีการประชุมจัดทำโครงสร้างต่างๆ ของสถาบันคุณวุฒิฯ ไปพร้อมกัน เช่น ฝ่ายติดตาม ฝ่ายพัฒนามาตรฐาน ฝ่ายรับรอง ตรวจสอบคุณวุฒิ เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามที่พระราชกฤษฎีการะบุไว้
น.ส.ศศิธารา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ สอศ.มีหลักสูตรที่พร้อมให้สถาบันคุณวุฒิฯ ดำเนินการรับรองแล้ว 5 หลักสูตร ได้แก่ แม่พิมพ์โลหะ และ พลาสติก, ยานยนต์, ไฟฟ้า และ อิเล็กทรอนิกส์, การโรงแรม ภัตตาคาร และ อุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อสัตว์ โดยจะนำหลักสูตรเหล่านี้มาจัดการเรียนการสอนให้ทันในปีการศึกษา 2554 นี้ ซึ่งหากมีการรับรองมาตรฐานแล้วผู้ที่จบในสาขาวิชาชีพนั้นๆ จะได้จัดสอบสมรรถนะตามที่เรียนมา ซึ่งต้องผ่านตามมาตรฐานที่สถาบันคุณวุฒิฯ กำหนด เช่น ในวิชาชีพแม่พิมพ์ ขณะนี้มาตรฐานสมรรถนะอยู่ที่ระดับ T3 หรือเทียบเท่ากับหลักสูตร ปวส.1 ซึ่งหากนักศึกษาผ่านการทดสอบสมรรถนะตามมาตรฐานดังกล่าว จะได้รับค่าตอบแทนการทำงานเริ่มที่ 12,000 บาท ซึ่งหากเทียบกับระดับ ปวส.เดิมจะอยู่ที่ 7,000 บาท เป็นต้น ซึ่งมาตรฐานทั้งหมดนี้สถาบันคุณวุฒิฯ จะรับรองและออกประกาศให้ทราบอย่างชัดเจน
“ภายในปี 2558 ประเทศในกลุ่มอาเซียนจะต้องจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิฯ ให้ครบแล้วจะต้องมาลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันให้เป็นไปตามกรอบของอาเซียน ในการเปิดเสรีด้านบริการ คือการเคลื่อนย้ายบุคลากร นั่นหมายความว่าต่อไป แรงงานที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ มีใบอนุญาตจากกระทรวงแรงงาน ก็จะสามารถเดินทางไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ทันที” เลขาธิการ กอศ.กล่าว