“นิพิฏฐ์” ลั่น พร้อมผลักดันกฎหมายของ วธ.เต็มที่ หวั่นหากเปลี่ยนรัฐบาล อาจทำให้กฎหมายทุกฉบับล่าช้า สั่งกรมศิลป์ เปิดรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.โบราณสถานฯ หลังมีคนไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น ขณะที่ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ฯ กำลังบรรจุเรตติ้งเกม กำหนดอายุผู้เล่นเหมือนเรตติ้งภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังแก้กฎหมายเพิ่มคณะกรรมการชุดพิจารณาอุทธรณ์ภาพยนตร์ใหม่อีก 1 ชุด
วันนี้ (15 ก.พ.)นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย กฎกระทรวง และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ของกรมต่างๆ สังกัด วธ.ว่า กำลังเร่งดำเนินการแก้ไขและผลักดันกฎหมาย ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยสร้างสรรค์แห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา และจะแจ้งให้ วธ.ยืนยันร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และร่าง พ.ร.บ.จดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ.. ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 3 ได้พิจารณาแล้ว คาดว่า เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาจะส่งให้ วธ. ยืนยันร่าง เพื่อบรรจุเข้าวาระประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ร่าง พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.. ขณะนี้ นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร สั่งการให้เปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับร่างดังกล่าว เพราะมีหลายประเด็นที่มีคนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ทั้งนี้ การที่จะต้องแก้ พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 เพราะประกาศใช้มานานแล้ว ส่งผลให้กฎหมายไม่ทันสมัยและเนื้อหาบางส่วนไม่สนับสนุนการทำงานของกรมศิลปากร ส่วนการแก้ไข พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ พ.ศ.2551 กำลังดำเนินการเช่นกัน โดยเฉพาะการบรรจุเรตติ้งเกม เพื่อกำหนดอายุของผู้เล่นเกม เช่นเดียวกับเรตติ้งภาพยนตร์
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า รวมทั้งการกำหนดคำนิยามผู้จำหน่ายให้เช่า แลกเปลี่ยนวัสดุเทปโทรทัศน์ให้ชัดเจน นอกจากนี้ ยังแก้กฎหมายเพิ่มคณะกรรมการชุดพิจารณาอุทธรณ์ภาพยนตร์ขึ้นมาใหม่อีก 1 ชุด เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ ต้องพิจารณาการอุทธรณ์ภาพยนตร์ในหลายๆ เรื่อง แต่ละเรื่องต้องใช้เวลานาน ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดพิจารณาอุทธรณ์ภาพยนตร์ จะมีอำนาจเทียบเท่ากับคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ สามารถพิจารณาการอุทธรณ์ต่างๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องเสนอมายังคณะกรรมการภาพยนตร์พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการ อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้เร่งดำเนินการเรื่องพัฒนาและผลักดันกฎหมาย หากเปลี่ยนรัฐบาลจะทำให้กฎหมายทุกฉบับล่าช้าและอาจจะทำให้การทำงานต้องสะดุดได้