xs
xsm
sm
md
lg

“หมอเพิ่มบุญ” ชี้ กม.คุ้มครองผู้เสียหายเป็นโรคเอดส์วงการสาธารณสุขไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผลหารือ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ของ สธ.-องค์กรแพทย์ ยังยืดเยื้อ “หมอไพจิตร์“ ย้ำ ยังไม่เสนอข้อคิดเห็น ต่อ รมว.สธ.แจงรอคุยเครือข่ายผู้ป่วยก่อน ด้าน สพศท.ยันจุดยืนเดิม ไม่เห็นด้วยกับ 12 ประเด็น พร้อมร่อนโบว์ดำกลางที่ประชุม ย้ำเป็นเชื้อเอดส์ของ สธ.-ผลงานชิ้นโบว์ดำของรัฐบาล

วานนี้ (4 ก.พ.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.. โดยการชี้แจงครั้งนี้ได้เรียกแพทย์จากโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) รวมทั้งสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เข้าร่วมราว 200 คน ว่า การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมผู้บริหารของสถานพยาบาลในสังกัด สธ.มีวัตถุประสงค์หลักๆ 2 ข้อ คือ 1.อยากให้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้แพร่หลายออกไปเพื่อที่จะชี้แจงว่า ขณะนี้ สธ.ได้ดำเนินการอะไรบ้าง 2.ต้องการคุยกันว่าควรจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างไรบ้าง โดยครั้งนี้นับว่ามีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมากกว่าครั้งก่อนๆ หรือคิดประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นของทั้งหมดที่ได้มีหนังสือเชิญไป โดยผู้ร่วมเข้าประชุมต่างเห็นตรงกันในด้านการแก้ปัญหา เพียงแต่มีวิธีดำเนินการที่ต่างกัน เท่านั้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นไปด้วยบรรยากาศที่ดี เพราะครั้งนี้ทุกคนคุยกันด้วยเหตุผลที่มากว่าเดิม ไม่ได้มีความขัดแย้งเหมือนครั้งที่ผ่านมา
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
ต่อข้อถามว่า สำหรับความคิดเห็นในวันนี้ จะมีการเสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่อไปหรือไม่ แล้วจะมีการเรียกภาคประชาชน และเครือข่ายผู้เสียหายมาหารือในเรื่องเดียวกันนี้เมื่อไหร่ ปลัด สธ.กล่าวว่า สำหรับข้อคิดเห็นของแต่ละฝ่ายในวันนี้ ทาง สธ.จะรวบรวมไว้ก่อน และจะรอจนกว่าจะได้หารือร่วมกับอีกฝ่ายซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

ด้านนพ.เพิ่มบุญ จิรยศบุญยศักดิ์ กรรมการสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ยังคงยึดหลักข้อสรุป 12 ประเด็นของคณะกรรมการสร้างเสริมความสมานฉันท์ในระบบสาธารณสุข ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดังนั้น สพศท.ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว เพราะไม่ใช่มติ และไม่ครอบคลุมทุกด้าน ดังนั้น ทาง สพศท.ยืนยันว่า จะเดินหน้าเคลื่อนไหวคัดร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ เหมือนเดิม โดยในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ จะเรียกร้องให้บุคลากรสาธารณสุขทั่วประเทศพร้อมใจกันแต่งชุดดำหรือสวมปลอกแขนสีดำ พร้อมป้ายผ้าแสดงการคัดค้าน แล้วชุมนุมกันบริเวณที่สำคัญของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง โดยล่าสุด สพศท.จะเพิ่มมาตรการติดริบบิ้นดำที่หน้าอกเสื้อ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การคัดค้านครั้งนี้ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 7 กุมภาพันธ์เช่นกัน โดยคาดว่าจะเริ่มที่โรงพยาบาลสงขลา เนื่องจากตนเป็นกุมารแพทย์ อย่างน้อยก็จะมีตนคนหนึ่ง ส่วนแนวทางการตรวจวินิจฉัยตามมาตรฐานวิชาชีพนั้น จะดำเนินการทันทีที่มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นี้ในสภาผู้แทนราษฎร โดยจะนำร่องพร้อมใจกันตรวจผู้ป่วยนอกตามมาตรฐานวิชาชีพ ซึ่งจะใช้เวลานานขึ้นจากเดิมตรวจคนไข้ท่านละ 3 นาที เป็นให้เวลาในการตรวจผู้ป่วยแต่ละท่าน 15 นาที ถือเป็นการนำร่องให้เห็นว่าหากมีการใช้กฎหมายนี้จริง ย่อมเกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับการชุมนุมวันที่ 7 ก.พ.จะมีการระดมแพทย์จำนวนมากน้อยแค่ไหน นพ.เพิ่มบุญ กล่าวว่า คงไม่สามารถระบุจำนวนได้ แต่เชื่อว่าจะไม่น้อยกว่าการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา คาดว่าไม่ต่ำกว่า 30 แห่ง จาก รพศ./รพท.ทั่วประเทศ 90 แห่ง อย่างไรก็ตาม ทราบดีว่ากระทบประชาชนแน่นอน จะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่มาโรงพยาบาลแล้วไม่ได้รับการตรวจในแต่ละวัน เพราะเวลาไม่พอ แต่รัฐบาลบังคับให้ต้องทำ เพราะหากแพทย์ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพก็อาจเกิดผลกระทบกับคนไข้ จนอาจนำไปสู่ปัญหาการฟ้องร้องในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการประชุมหารือยังไม่เสร็จสิ้น นพ.เพิ่มบุญ ได้มีการเดินแจกเข็มกลัดเป็นโบว์สีดำ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับสัญลักษณ์รณรงค์โรคเอดส์ โดยประกาศจุดยืนว่า การติดเข็มกลัดดังกล่าวเพื่อแสดง ให้รู้ว่า พ.ร.บ.คุ้มครองฯเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำของรัฐบาลชุดนี้ และเป็นโรคเอดส์ของวงการสาธารณสุขไทย โดย นพ.เพิ่มบุญ ได้แจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 200 ชิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น