นักโภชนาการห่วงวิกฤตน้ำมันปาล์มแพง ทำคนไทยเสี่ยงบริโภคอาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ แนะลดอาหารประเภททอด-ผัด เตือนคนชอบ “ฟังก์ชันนัล ฟูด” หวังรับสารอาหารเข้มข้น เป็นความเชื่อที่ผิด ฟันธงอาหารสดดีกว่า
นายสง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษาสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวถึงแนวทางการบริโภคอาหารที่คุ้มค่า ถูกหลักโภชนาการและปลอดภัย ในช่วงที่ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตน้ำมันแพงและและช่วงของการจำหน่ายไข่ไก่แบบชั่งกิโลขายว่า ในกรณีที่น้ำมันปาล์มราคาแพงและขาดแคลน ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารมักนิยมใช้น้ำมันทอดซ้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งได้ว่า เพื่อเป็นการลดอัตราเสี่ยงและป้องกันปัญหาไขมันสะสมในร่างกาย จนนำไปสู่โรคเรื้องรังอื่นๆ อาทิ เบาหวาน ความดัน แนะนำว่าผู้บริโภคควรที่จะพยายามลดการบริโภคอาหารประเภทผัดและทอด โดยหันมาบริโภคประเภทนึ่ง ต้ม หรือย่างแทน แต่ในกรณีของอาหารปิ้ง ย่าง นั้นไม่ควรปล่อยให้มีการไหม้เกรียมจนเกินไป เพราะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้เช่นกัน หรือสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารทอดและผัดจริงๆ ก็ควรที่จะลดปริมาณน้ำมันที่ใช้ประกอบอาหารให้น้อยลงในปริมาณที่เหมาะสม แต่ในกรณีที่มีการใช้น้ำมันทดแทนน้ำมันปาล์ม แนะนำให้ใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันดอกคำฝอย และน้ำมันถั่วเหลือง แทนน้ำมันหมู เพราะน้ำมันจากสัตว์นั้นมีคลอเรสเตอรอลสูง เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนและโรคเรื้อรังมากกว่า ซึ่งผู้บริโภคควรที่จะให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจในการเลือกบริโภค
นายสง่ากล่าวด้วยว่า ในส่วนของการบริโภคไข่ไก่แบบชั่งกิโลขายนั้น ที่หลายกังวลมากๆ คือ ไข่ไก่เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ดังนั้น หากขายแบบชั่งกิโลอาจทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบในซื้อมาประกอบอาหารแต่จริงๆ แล้ว ประชาชนสามารถใช้อาหารประเภทอื่นที่มีโปรตีนใกล้เคียงกันได้ เช่น เนื้อไก่ ปลา แต่ถ้าวัตถุดิบเหล่านี้มีราคาแพง แนะนำให้ใช้เต้าหู้แทนได้ เพราะสารโปรตีนไม่ต่างกันมาก
ที่ปรึกษาสมาคมโภชนาการฯ กล่าวด้วยว่า ปัญหาเรื่องการเลือกบริโภคอาหารที่น่าห่วงอีกอย่างของคนไทย คือ เรื่องความนิยมในการบริโภคเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่เรียกว่า ฟังก์ชันนัล ฟูด ทั้งนี้เป็นเพราะรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ต้องแข่งขันกับเวลา และเน้นสะดวก พฤติกรรมการบริโภคอาหารก็เริ่มผิดเพี้ยนไป โดยหลายคนเชื่อว่าการดื่มหรือกินอาหารบางประเภทอาจได้รับสารอาหารเช่น มีไฟเบอร์ โปรตีน ที่เข้มข้นด้วยวิธีง่ายๆ ซึ่งโดยหลักการแล้วเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะการร่างกายของคนเราไม่ได้ต้องการแค่สารใดสารหนึ่ง แต่ต้องการสารอาหารทุกประเภท เพื่อปรับความสมดุลที่เหมาะสม ดังนั้น แนะนำว่าควรบริโภคแบบธรรมชาติให้คบ 5 หมู่ดีกว่า
“อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารสดจะมีคุณค่ามากกว่า เช่น ในกรณีบริโภคมะละกอ 1 ลูก ร่างกายจะได้รับทั้งวิตามิน โปรตีน ไฟเบอร์ที่เป็นกากใย ไปพร้อมๆ กัน แต่หากบริโภคอาหารที่ผ่านการสกัดเฉพาะสารใดสารหนึ่งมาบรรจุเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ร่างกายก็จะไม่ได้สารอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ แบบนี้ก็เรียกว่าไม่คุ้มค่าอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระจายความรู้แก่ประชาชน ทางสมาคมโภชนาการฯ จะร่วมมือกับสถาบันโภชนาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษากรณีดังกล่าวในเร็วๆ แล้วประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภครับทราบ” ที่ปรึกษาสมาคมโภชนาการฯ กล่าว