“นิพิฏฐ์” เผย สามารถแก้ปัญญาการเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกกะ ปี 2553 ได้ 99% อีก 1% ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องประสานความร่วมมือกับ สธ. ศน.และกงสุลฮัจญ์ ขณะที่ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์ เสนอให้ช่วยดูแลค่าใช้จ่าย อำนวยความสะดวกแก่หัวหน้าผู้แสวงบุญ และขอเพิ่มโควต้าผู้แสวงบุญฮัจญ์ไทย
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมกับ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี และ ศ.ดร.อิมรอน มะลูลีม ประธานผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักจุฬาราชมนตรี ในฐานะอะมีรุ้ลฮัจญ์ หรือหัวหน้าผู้แสวงบุญ ณ สำนักจุฬาราชมนตรี ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ว่า คณะผู้แสวงบุญได้สรุปปัญหาการเดินทางไปแสวงบุญยังนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประจำปี 2553 พบว่า การทำงานของกรมการศาสนา (ศน.) สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงได้ 99% อีก 1% เป็นปัญหาสำคัญ เช่น มีผู้แสวงบุญประมาณ 77-100 คน มีปัญหาเรื่องของสายการบิน และปัญหาการประสานงานระหว่างหน่วยงาน เช่น กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ศน.กงสุลฮัจญ์ ยังทำงานไม่สอดคล้องกัน ดังนั้นจะต้องประสานความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้เสนอให้มีการช่วยเหลือดูแลค่าใช้จ่ายของอะมีรุ้ลฮัจญ์เป็นพิเศษ เพื่อใช้ในการเลี้ยงรับรอง ค่าเดินทาง และการอำนวยความสะดวก ในการประสานงานให้แก่ผู้แสวงบุญ ขณะเดียวกัน ได้มีการเสนอ ให้จุฬาราชมนตรี มีส่วนพิจารณาเสนอรายชื่อ ผู้ถือวีซ่าพิเศษ จำนวน 130 คนด้วย พร้อมทั้งควรมีผู้แทนของจุฬาราชมนตรี เข้ามาเป็นคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ทางด้านผู้ประกอบการ ได้เสนอขอให้มีตัวแทนเข้ามาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์ อีกด้วย โดยตนได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาต่อไป โดยเฉพาะขอเสนอผู้ประกอบการต้องพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะอาจจะถูกมองว่า มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ที่สำคัญ ในการประชุมครั้งนี้ ยังเสนอขอเพิ่มโควตา ผู้แสวงบุญฮัจญ์ไทย ส่วนจะทำอย่างไรนั้นต้องมีการเจรจากับทางประเทศซาอุดีอาระเบียก่อน ทั้งนี้ ผมจะรวบรวมประเด็นปัญหาและข้อเสนอทั้งหมด เสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์ ในวันที่ 31 ม.ค.นี้” รมว.วธ.กล่าว