“สุชาติ” เล็งฟ้องศาลปกครอง กรณี สภา มรภ.จันทรเกษม มีมติถอดออกจากตำแหน่งอธิการบดี ยันโปร่งใส ไร้ทุจริต เชื่อ คนจ้องเขี่ย หวังฮุบตำแหน่งแทน ด้าน “เลขาธิการ กกอ.” ระบุ เป็นอำนาจสภาถอดถอนได้ตามกฎหมาย ขณะที่คณาจารย์ ฝากขอบคุณสภา ช่วยเก็บกวาด จัดการปัญหาให้
จากกรณีที่สภามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม (มจษ.) ที่มี ดร.บุญปลูก ชายเกตุ เป็นนายกสภา ได้มติถอดถอน ดร.สุชาติ เมืองแก้ว ออกจากตำแหน่งอธิการบดี มจษ.โดยให้เหตุผลว่า ดร.สุชาติ บริหารงานบกพร่อง และสภามหาวิทยาลัยยังได้มีมติแต่งตั้ง รศ.สุมาลี ไชยศุภรากุล กรรมการสภามหาวิทยาลัย และคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มจษ.รักษาการอธิการบดีนั้น
ดร.สุชาติ กล่าวว่า ตนกำลังปรึกษาทนายความเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในประเด็นการออกมติของสภามหาวิทยาลัยไม่ชอบด้วยกระบวนการ ซึ่งคาดว่า เร็วๆ นี้ น่าจะไปยื่นฟ้องได้ ทั้งนี้ ตนยืนยันในความโปร่งใสและถูกต้องในการบริหารงาน และยืนยันว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งตั้งแต่ตนรับราชการมาเคยเป็น รองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย, รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ไม่เคยมีเรื่องทุจริตอะไรเลย แต่มีคนบางคนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการล้มตน เพื่อให้ออกจากตำแหน่งและจะได้มีคนขึ้นมาเป็นอธิการบดีแทน
“ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ผมได้เข้าร่วมในช่วงแรก ซึ่งที่ประชุมได้รวบรัดวิธีการต่างๆ มาก โดยเรื่องที่มีการกล่าวหาร้องเรียนจำนวน 8 ประเด็น ผมก็ได้สรุปชี้แจงไปหมดแล้ว แต่การลงมติของที่ประชุมได้ ได้ให้กรรมการบางคนออกจากที่ประชุม แม้ว่าจะมีสิทธิลงคะแนนได้” อดีตอธิการบดี มจษ.กล่าว
ดร.สุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่ร้องเรียนนั้นเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยแต่ประเด็นหลักน่าจะเป็นกรณีการสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ 11 คน ที่มีบุคลากร เจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยได้ร้องเรียนมาในการสรรหาที่ไม่น่าจะดำเนินการได้เนื่องจากเป็นการสรรหาก่อนที่กรรมการดังกล่าวจะหมดวาระ โดยผมได้ทำหนังสือสอบถามไปที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ได้รับคำชี้แจงว่าตาม พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏจะต้องดำเนินการสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิภายใน 90 วันหลังหมดวาระ ไม่สามารถสรรหาก่อนได้ ซึ่งเมื่อตนได้รับหนังสือจาก สกอ.ก็ได้หารือกับ นายกสภามหาวิทยาลัย ก่อนจะมีการประชุมสภามหาวิทยาลัยในวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เพราะเกรงว่าหากองค์ประกอบไม่ถูกต้องก็จะประชุมไม่ได้จึงควรเลื่อนการประชุม แต่นายกสภามหาวิทยาลัยบอกว่านัดประชุมไว้แล้วก็ขอให้ประชุมเลย ตรงจุดนี้อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ตนถูกปลด ซึ่งตนคิดว่ามีคนภายในหาทางเขี่ยตนอยู่แล้ว
“เรื่องที่อ้างว่าบริหารงานไม่โปร่งใส เช่น การจัดซื้อโต๊ะทำงานราคาแพง นั้นเป็นเรื่องที่ผู้บริหารคนเก่าได้ดำเนินการไว้ก่อนแล้ว ส่วนการโยกย้ายบุคลากรทางมหาวิทยาลัยได้เสนอให้สภามหาวิทยาลัยเห็นชอบ โดยข้อร้องเรียนทั้งหมดผมยืนยันได้ว่าโปร่งใส่หมด” อดีต อธิการบดี มจษ.กล่าว
ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบข่าวนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สภามหาวิทยาลัยสามารถดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) รับทราบก่อน เนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฏจะมีพระราชบัญญัติเป็นของตนเองอยู่แล้ว คือ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ.2547 มาตรา 30 อย่างไรก็ตาม การที่สภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะถอดถอนใครออกจากตำแหน่งจะต้องมีข้อมูล เหตุผลที่เพียงพอ และที่ผ่านมามีสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ใช้อำนาจของตนเองในการถอดถอนตำแหน่งอธิการบดี เช่น มรภ.กาฬสินธุ์ มรภ.ชัยภูมิ และ ม.ศิลปากร เป็นต้น ซึ่งหาก ดร.สุชาติ เห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถอดถอนจากตำแหน่งครั้งนี้ สามารถที่จะไปฟ้องร้องที่ศาลปกครองได้
ด้าน นายภูวนนท์ เจริญสุข ชั้นปี 3 สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ในฐานะนายกองค์การนักศึกษา มจษ.กล่าวว่า ตนมองว่าหากอธิการบดีทำถูกจริง ก็ไม่น่าจะโดนโหวตออกจากตำแหน่ง แต่เมื่อมีการพิจารณาจากสภามหาวิทยาลัยไปแล้ว ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของอธิการบดีที่ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้เกิดความชัดเจน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของนักศึกษาส่วนใหญ่ แต่ก็มีอาจารย์หลายท่านที่ไม่ต้องการให้นักศึกษาเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ในวันนี้ตนทราบว่าอาจมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งตั้งเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็นกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีการพูดถึงเรื่องการปลดอธิการบดีหรือไม่ ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิที่นักศึกษาพึงกระทำได้
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงภายใน มจษ.กล่าวว่า จากการสอบถามคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่รู้สึกโล่งใจ และฝากขอบคุณไปยังกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ได้ช่วยเก็บกวาดมหาวิทยาลัยให้สะอาดไม่มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่สภามหาวิทยาลัยมีมติถอดถอนออกมา เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ดร.สุชาติ พร้อมด้วย รองอธิการบดี 3 คน และผู้ช่วยอธิการบดี 4 คน ได้ทยอยเก็บของออกจากห้องทำงานส่วนตัวไปจนหมด ทั้งนี้เชื่อว่าสภามหาวิทยาลัยคงต้องเร่งสรรหาอธิการบดีคนใหม่ภายใน 90 วัน
จากกรณีที่สภามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม (มจษ.) ที่มี ดร.บุญปลูก ชายเกตุ เป็นนายกสภา ได้มติถอดถอน ดร.สุชาติ เมืองแก้ว ออกจากตำแหน่งอธิการบดี มจษ.โดยให้เหตุผลว่า ดร.สุชาติ บริหารงานบกพร่อง และสภามหาวิทยาลัยยังได้มีมติแต่งตั้ง รศ.สุมาลี ไชยศุภรากุล กรรมการสภามหาวิทยาลัย และคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มจษ.รักษาการอธิการบดีนั้น
ดร.สุชาติ กล่าวว่า ตนกำลังปรึกษาทนายความเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในประเด็นการออกมติของสภามหาวิทยาลัยไม่ชอบด้วยกระบวนการ ซึ่งคาดว่า เร็วๆ นี้ น่าจะไปยื่นฟ้องได้ ทั้งนี้ ตนยืนยันในความโปร่งใสและถูกต้องในการบริหารงาน และยืนยันว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งตั้งแต่ตนรับราชการมาเคยเป็น รองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย, รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ไม่เคยมีเรื่องทุจริตอะไรเลย แต่มีคนบางคนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการล้มตน เพื่อให้ออกจากตำแหน่งและจะได้มีคนขึ้นมาเป็นอธิการบดีแทน
“ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ผมได้เข้าร่วมในช่วงแรก ซึ่งที่ประชุมได้รวบรัดวิธีการต่างๆ มาก โดยเรื่องที่มีการกล่าวหาร้องเรียนจำนวน 8 ประเด็น ผมก็ได้สรุปชี้แจงไปหมดแล้ว แต่การลงมติของที่ประชุมได้ ได้ให้กรรมการบางคนออกจากที่ประชุม แม้ว่าจะมีสิทธิลงคะแนนได้” อดีตอธิการบดี มจษ.กล่าว
ดร.สุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่ร้องเรียนนั้นเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยแต่ประเด็นหลักน่าจะเป็นกรณีการสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ 11 คน ที่มีบุคลากร เจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยได้ร้องเรียนมาในการสรรหาที่ไม่น่าจะดำเนินการได้เนื่องจากเป็นการสรรหาก่อนที่กรรมการดังกล่าวจะหมดวาระ โดยผมได้ทำหนังสือสอบถามไปที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ได้รับคำชี้แจงว่าตาม พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏจะต้องดำเนินการสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิภายใน 90 วันหลังหมดวาระ ไม่สามารถสรรหาก่อนได้ ซึ่งเมื่อตนได้รับหนังสือจาก สกอ.ก็ได้หารือกับ นายกสภามหาวิทยาลัย ก่อนจะมีการประชุมสภามหาวิทยาลัยในวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เพราะเกรงว่าหากองค์ประกอบไม่ถูกต้องก็จะประชุมไม่ได้จึงควรเลื่อนการประชุม แต่นายกสภามหาวิทยาลัยบอกว่านัดประชุมไว้แล้วก็ขอให้ประชุมเลย ตรงจุดนี้อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ตนถูกปลด ซึ่งตนคิดว่ามีคนภายในหาทางเขี่ยตนอยู่แล้ว
“เรื่องที่อ้างว่าบริหารงานไม่โปร่งใส เช่น การจัดซื้อโต๊ะทำงานราคาแพง นั้นเป็นเรื่องที่ผู้บริหารคนเก่าได้ดำเนินการไว้ก่อนแล้ว ส่วนการโยกย้ายบุคลากรทางมหาวิทยาลัยได้เสนอให้สภามหาวิทยาลัยเห็นชอบ โดยข้อร้องเรียนทั้งหมดผมยืนยันได้ว่าโปร่งใส่หมด” อดีต อธิการบดี มจษ.กล่าว
ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบข่าวนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สภามหาวิทยาลัยสามารถดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) รับทราบก่อน เนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฏจะมีพระราชบัญญัติเป็นของตนเองอยู่แล้ว คือ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ.2547 มาตรา 30 อย่างไรก็ตาม การที่สภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะถอดถอนใครออกจากตำแหน่งจะต้องมีข้อมูล เหตุผลที่เพียงพอ และที่ผ่านมามีสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ใช้อำนาจของตนเองในการถอดถอนตำแหน่งอธิการบดี เช่น มรภ.กาฬสินธุ์ มรภ.ชัยภูมิ และ ม.ศิลปากร เป็นต้น ซึ่งหาก ดร.สุชาติ เห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถอดถอนจากตำแหน่งครั้งนี้ สามารถที่จะไปฟ้องร้องที่ศาลปกครองได้
ด้าน นายภูวนนท์ เจริญสุข ชั้นปี 3 สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ในฐานะนายกองค์การนักศึกษา มจษ.กล่าวว่า ตนมองว่าหากอธิการบดีทำถูกจริง ก็ไม่น่าจะโดนโหวตออกจากตำแหน่ง แต่เมื่อมีการพิจารณาจากสภามหาวิทยาลัยไปแล้ว ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของอธิการบดีที่ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้เกิดความชัดเจน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของนักศึกษาส่วนใหญ่ แต่ก็มีอาจารย์หลายท่านที่ไม่ต้องการให้นักศึกษาเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ในวันนี้ตนทราบว่าอาจมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งตั้งเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็นกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีการพูดถึงเรื่องการปลดอธิการบดีหรือไม่ ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิที่นักศึกษาพึงกระทำได้
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงภายใน มจษ.กล่าวว่า จากการสอบถามคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่รู้สึกโล่งใจ และฝากขอบคุณไปยังกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ได้ช่วยเก็บกวาดมหาวิทยาลัยให้สะอาดไม่มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่สภามหาวิทยาลัยมีมติถอดถอนออกมา เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ดร.สุชาติ พร้อมด้วย รองอธิการบดี 3 คน และผู้ช่วยอธิการบดี 4 คน ได้ทยอยเก็บของออกจากห้องทำงานส่วนตัวไปจนหมด ทั้งนี้เชื่อว่าสภามหาวิทยาลัยคงต้องเร่งสรรหาอธิการบดีคนใหม่ภายใน 90 วัน
