ชนชาติเก่าแก่อย่าง “จีน” ได้สืบทอดภูมิปัญญาแขนงต่างๆ บนรอยทางแห่งกาลเวลามานับพันปี หนึ่งในนั้นที่ได้รับการยอมรับ และแพร่หลายมากในปัจจุบัน คือ “การแพทย์แผนจีน” ซึ่งในประเทศไทยเองก็รับเองศาสตร์ดังกล่าวมาประยุกต์เป็น “การแพทย์ทางเลือก” ควบคู่กับการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน
ทุกวันนี้ คนไทยคุ้นเคยกับการแมะ ยาจีน รวมไปถึงการฝังเข็ม และที่กำลังมาแรงไม่แพ้กัน และเริ่มรู้จักกันแพร่หลาย คือ “กัวซา” ซึ่งก็เป็นศาสตร์การแพทย์แผนจีนอีกแขนงหนึ่ง ที่น่าสนใจไม่น้อย
“กัวซา เป็นภาษาจีน กัว แปลว่า การกวาด หรือการขูด ส่วน ซา หมายถึง พิษ กัวซา แปลตรงตัว ก็คือ การขูดพิษ เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของจีนที่มีมาตั้งแต่โบราณ ตอนนี้คนไทยนิยมมากขึ้น มีทั้งคนอยากเรียนและคนมาใช้บริการ แต่ถ้าเป็นที่จีนไม่ต้องสอน เป็นกันแทบทุกบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านทำเป็นแล้วก็สอนลูกหลานสืบต่อกัน เหมือนวิธีรักษาโรคแบบกลางบ้าง เหมือนเราปวดท้องแล้วเอายาหม่องมาทาท้อง ไม่ต้องไปหาหมอ”
อ.หยาง เผย เซิน แห่งศูนย์ธรรมชาติบำบัดอาจารย์หยาง ผู้เชี่ยวชาญด้านชี่กง และการแพทย์แผนจีนหลายแขนง ให้ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์กัวซานี้ ว่า ลักษณะการบำบัดโรคแบบกัวซานี้ คือ การใช้แผ่นกัวซา ที่ทำจากหยก หรือเขาสัตว์ วิธีการทำคือทาน้ำมันสมุนไพรสูตรเฉพาะลงไป ก่อนจะใช้แผ่นกัวซาขูดผิวหนังตามจุดปราณต่างๆ บนร่างกาย หากว่าผู้ถูกขูดไม่มีพิษ รอยที่ขูดจะเป็นสีชมพู และจะจางหายไปในเวลาประมาณ 20-30 นาที แต่หากผู้ถูกขูดมีพิษในร่างกาย ผิวหนังจะกลายเป็นสีช้ำ เขียว ม่วง เป็นจุดจ้ำๆ เหมือนเม็ดทราย ซึ่งนั่นก็คือ “ซา” หรือพิษที่ถูกขูดออกมา และใช้เวลาราว 4-5 วันรอยจึงจะหายไป
“รอยคนที่มีพิษในร่างกายจะแม้จะดูเหมือนได้รับบาดเจ็บ แต่จริงๆ แล้วไม่เจ็บ เวลาขูดก็ไม่ได้กดแรง แล้วที่หลายคนเข้าใจผิดที่เราพบ คือ บางคนมาขอให้ทำกัวซาให้แล้วถามว่า ชั่วโมงละเท่าไหร่ จริงๆ แล้วการทำกัวซาในเมืองไทย ถูกเอาไปทำในสปาหลายแห่ง แล้วก็คิดกันเป็นรายชั่วโมง แต่จริงๆ แล้ว กัวซาทำครั้งละ 15-30 นาทีต่อครั้งเท่านั้น”
อ.หยาง เล่าต่อไปอีกว่า กัวซาเหมาะกับอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ หรือเมื่อรู้สึกว่าไม่สบายตัว แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคที่มีอาการหนักๆ เหมาะกับผู้ที่รู้สึกว่าตนเองไม่สบาย แต่ไม่มีอาการเมื่อไปตรวจที่คลินิกหรือโรงพยาบาล อาจจะเป็นอาการผิดปกติเล็กน้อย เช่น ธาตุไม่ดี จุกเสียด หรือมีพิษอยู่ในร่างกายแต่ไม่มากพอที่จะทำให้เกิดอาการของโรค
“คนจีนโบราณใช้ช้อนในการขูดด้วยซ้ำ แต่ตามหลักแล้วหยกและเขาสัตว์จะให้สัมผัสที่เย็น ช่วยคลายพิษร้อนในร่างกายได้ การทำกัวซาจะขูดลงไปบนจุดต่างๆ ของร่างกายอันเป็นจุดปราณประสาทตามแบบจีนเพื่อให้เลือดลมหมุนเวียน ชีพจรเป็นปกติ ซึ่งนอกจากจะขับพิษออกจากร่างกายแล้ว กัวซายังสามารถบำบัดอาการต่างๆ ได้ดี เช่นอาการปวดหัว เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดประจำเดือน นิ้วล็อค นิ้วติด เครียด หรืออาการออฟฟิศซินโดรมต่างๆ รวมถึงทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยลดสิว ฝ้า และแก้ปัญหาผิวให้ให้กระชับขึ้น แก้ถุงใต้ตาได้ด้วย”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนรายนี้ อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากจะใช้แผ่นกัวซาที่มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป เพราะถูกออกแบบให้เหมาะกับผิวหนังตามส่วนต่างๆ ที่ไม่เหมือนกันแล้ว ผู้ที่มีพิษมากๆ อาจจะต้องทำ “ครอบแก้ว” ควบคู่ไปด้วย เพื่อดูดพิษให้ออกจากร่างกายให้ได้มากที่สุด วิธีการใช้ครอบแก้วคือ ใช้ไฟจุดในแก้วทนไฟแล้วดับ คว่ำปากแก้วครอบผิวหนังในจุดต่างๆ ความร้อนจะทำให้ครอบแก้วดูดติดผิวหนัง และดูดซาออกมาเหมือนกับที่ใช้แผ่นกัวซาขูดพิษนั่นเอง
“แต่ก็ไม่ได้แปลว่า ทุกคนจะทำกัวซาได้ เพราะมีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน คือคนที่เป็นโรคผิวหนังและคนที่เป็นโรคหัวใจ เพราะโรคผิวหนังอาจเสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติ ส่วนผู้ที่เป็นโรคหัวใจถือเป็นโรคร้ายแรง อาจเกิดอะไรฉุกเฉินขณะที่ทำการบำบัด จึงไม่เหมาะกับการทำกัวซา” อ.หยางทิ้งท้าย