“เครือข่ายงดเหล้า” หนุน บช.น.คุมเข้มร้านเหล้า จำกัดเด็กเข้าถึง เตรียมเก็บหลักฐานป้ายโฆษณาเหล้าผิดกฎหมาย ลดแลกแจกแถม ส่ง บชน.ลงดาบ เตือนอย่าท้าทายเพราะบทลงโทษหนัก
จากกรณีที่ตำรวจนครบาลพบปัญหาอาชญากรรม เด็กและเยาวชนออกมามั่วสุมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มีปัจจัยจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นตัวกระตุ้น โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551อย่างจริงจัง มุ่งเน้นที่ร้านขายข้างถนนริมฟุตปาท หรือร้านค้าที่ขายหลังเวลาเที่ยงคืนไปแล้วต้องจับกุมดำเนินคดี และสถานที่ต่างๆ ที่กฎหมายห้ามขายห้ามดื่ม เช่น ปั๊มน้ำมัน สถานพยาบาล สถานศึกษา อีกทั้งยังได้สั่งการให้กวาดล้างจับกุมแหล่งผลิต-จำหน่ายยาดองทั้งหมดนั้น
โดยเรื่องนี้ เภสัชกร สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า เครือข่ายภาคประชาชนต้องขอชื่นชมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสัญญาณเตรียมกวดขัน ร้านเหล้า โดยเฉพาะการขายเหล้าให้เด็ก ร้านยาดอง การเร่ขายตามถนน หรือการขายเหล้าในที่ผิดกฎหมาย เช่น ในและรอบสถานศึกษา ซึ่งมักก่อปัญหาเป็นอย่างมาก เพราะงานวิจัยของสถาบันรามจิตติก็ชี้ชัดแล้วว่าเยาวชนที่ถูกส่งเข้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จากคดีปล้น ฆ่า ข่มขืน ปีะละกว่า 30,000 คน กว่าครึ่งหนึ่งมีสาเหตุมาจากสุรา และข้อมูลจากกรมพินิจฯยังพบว่าเด็กและเยาวชนกว่า ร้อยละ 37.8 กระทำความผิดขณะดื่มอีกด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจควรกวดขันกับร้านเหล้าปั่นด้วย เพราะชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายคือเด็กและเยาวชน ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มักปล่อยปละละเลย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องป้ายโฆษณาเหล้า ป้ายตู้ไฟต่างๆที่ผิดกฎหมายไม่มีข้อความคำเตือนเกลื่อนไปหมด ร้านเหล้าที่จัดเคมเปญลดแลกแจกแถม ก็ยังไม่มีใครไปจัดการทั้งที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามท่าทีจริงจังของ บชน. ในเรื่องเหล้าทางภาคประชาชนยินดีให้ความร่วมมือ และจะประสานเครือข่ายใน กทม.ให้เก็บข้อมูลร้านที่ทำผิดกฎหมาย ท้าทายนโยบาย ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเป็นหลักฐานมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ส่วนเรื่องนโยบายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลังเวลา 22.00 น.โดยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น สิ่งที่เจ้าหน้าที่ควรทำ คือ การเข้าไปเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับร้านขายเหล้าผู้ประกอบการ สถานบันเทิงที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเด็กและเยาวชนมากกว่า นอกจากนี้สถานประกอบการต้องดำเนินธุรกิจโดยเคารพกฎหมาย ควรมองว่าเด็กเยาวชนเป็นลูกหลาน ไม่ใช่เหยื่อ และรัฐบาลควรเปิดพื้นที่ที่สนุกได้ ไร้อบายมุข และสร้างสรรค์ ให้เยาวชนมีทางเลือกที่ดีกว่า ให้เพียงพอด้วย
จากกรณีที่ตำรวจนครบาลพบปัญหาอาชญากรรม เด็กและเยาวชนออกมามั่วสุมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มีปัจจัยจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นตัวกระตุ้น โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551อย่างจริงจัง มุ่งเน้นที่ร้านขายข้างถนนริมฟุตปาท หรือร้านค้าที่ขายหลังเวลาเที่ยงคืนไปแล้วต้องจับกุมดำเนินคดี และสถานที่ต่างๆ ที่กฎหมายห้ามขายห้ามดื่ม เช่น ปั๊มน้ำมัน สถานพยาบาล สถานศึกษา อีกทั้งยังได้สั่งการให้กวาดล้างจับกุมแหล่งผลิต-จำหน่ายยาดองทั้งหมดนั้น
โดยเรื่องนี้ เภสัชกร สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า เครือข่ายภาคประชาชนต้องขอชื่นชมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสัญญาณเตรียมกวดขัน ร้านเหล้า โดยเฉพาะการขายเหล้าให้เด็ก ร้านยาดอง การเร่ขายตามถนน หรือการขายเหล้าในที่ผิดกฎหมาย เช่น ในและรอบสถานศึกษา ซึ่งมักก่อปัญหาเป็นอย่างมาก เพราะงานวิจัยของสถาบันรามจิตติก็ชี้ชัดแล้วว่าเยาวชนที่ถูกส่งเข้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จากคดีปล้น ฆ่า ข่มขืน ปีะละกว่า 30,000 คน กว่าครึ่งหนึ่งมีสาเหตุมาจากสุรา และข้อมูลจากกรมพินิจฯยังพบว่าเด็กและเยาวชนกว่า ร้อยละ 37.8 กระทำความผิดขณะดื่มอีกด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจควรกวดขันกับร้านเหล้าปั่นด้วย เพราะชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายคือเด็กและเยาวชน ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มักปล่อยปละละเลย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องป้ายโฆษณาเหล้า ป้ายตู้ไฟต่างๆที่ผิดกฎหมายไม่มีข้อความคำเตือนเกลื่อนไปหมด ร้านเหล้าที่จัดเคมเปญลดแลกแจกแถม ก็ยังไม่มีใครไปจัดการทั้งที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามท่าทีจริงจังของ บชน. ในเรื่องเหล้าทางภาคประชาชนยินดีให้ความร่วมมือ และจะประสานเครือข่ายใน กทม.ให้เก็บข้อมูลร้านที่ทำผิดกฎหมาย ท้าทายนโยบาย ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเป็นหลักฐานมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ส่วนเรื่องนโยบายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลังเวลา 22.00 น.โดยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น สิ่งที่เจ้าหน้าที่ควรทำ คือ การเข้าไปเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับร้านขายเหล้าผู้ประกอบการ สถานบันเทิงที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเด็กและเยาวชนมากกว่า นอกจากนี้สถานประกอบการต้องดำเนินธุรกิจโดยเคารพกฎหมาย ควรมองว่าเด็กเยาวชนเป็นลูกหลาน ไม่ใช่เหยื่อ และรัฐบาลควรเปิดพื้นที่ที่สนุกได้ ไร้อบายมุข และสร้างสรรค์ ให้เยาวชนมีทางเลือกที่ดีกว่า ให้เพียงพอด้วย