โรงพิมพ์เอกชน 29 แห่ง บุกร้อง สกสค.สุดทนองค์การค้าฯ ติดหนี้ค่าพิมพ์ตำราเรียนปี 53 กว่า 326 ล้าน ทวงถามกลับเฉย โอดไร้ทุนเสนอราคาพิมพ์ต่อ ชี้ TOR ปี 54 ตั้งสเปกผู้เสนอราคาสูงขึ้น ทำโรงพิมพ์หลายแห่งไม่เข้าเกณฑ์ เชื่อจัดพิมพ์ไม่ทันชัวร์ ด้าน “ชินภัทร” โวสมัยคุมองค์การค้าฯ หมดปัญหาหนี้ โยน ผอ.คนใหม่ สางเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกลุ่มโรงพิมพ์เอกชน 29 แห่ง รวมตัวกันเข้าร้องเรียนต่อนายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เพื่อขอให้องค์การค้าของ สกสค.จ่ายเงินค่าจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2553 จำนวนเงิน 326 ล้านบาท โดยตัวแทนโรงพิมพ์เอกชน กล่าวว่า องค์การค้าฯ ได้ทำสัญญาว่าจ้างให้พิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2553 จำนวน 15 ล้านเล่ม เป็นเงินกว่า 400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 งวด ซึ่งงวดแรกได้จ่ายมาแล้ว 100 ล้านบาท ยังเหลือค้างอีก 2 งวด เป็นเงิน 326 ล้านบาท ตั้งแต่เดือน ก.ย.2553 ซึ่งทำให้โรงพิมพ์ทุกแห่งได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากไม่มีเงินทุนที่จะเสนอราคารับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนประจำปีการศึกษา 2554 ได้ ซึ่งนายเกษมก็รับปากที่จะดูแลเรื่องนี้ให้ อย่างไรก็ตามพวกตนเคยขอนัดพบนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ มาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้พบ จึงทำให้ยังไม่ได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับเงินที่ยังค้างจ่ายอยู่ดังกล่าว
“สำหรับการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2554 องค์การค้าฯได้โควตาพิมพ์หนังสือแบบเรียนจากกระทรวงศึกษาธิการจำนวน 40 ล้านเล่ม โดยองค์การค้าฯจะพิมพ์เอง 20 ล้านเล่ม ส่วนที่เหลือจะจ้างโรงพิมพ์จากภายนอก แต่ขณะนี้ทราบว่ามีผู้ประมูลงานจากองค์การค้าฯได้เพียง 1 ราย จำนวน 1.52 ล้านเล่ม เพราะองค์การค้าฯได้มีการปรับคุณสมบัติ หรือสเปกของผู้เสนอราคารับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนสูงขึ้น จนทำให้หลายโรงพิมพ์ไม่สามารถเข้าสเปกได้ ขณะที่พวกเราทั้ง 29 โรงพิมพ์ก็ไม่มีเงินทุนที่จะเข้าร่วมเสนอราคาได้ ดังนั้น ยืนยันเลยว่า หากพวกเราไม่ร่วมพิมพ์หนังสือแบบเรียนให้กำลังการผลิตขององค์การค้าฯ และโรงพิมพ์ที่ประมูลงานได้จะไม่สามารถพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2554 ได้ทันก่อนเปิดภาคเรียนแน่นอน” ผู้แทนโรงพิมพ์เอกชน กล่าว
ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) อดีตรักษาการ ผอ.องค์การค้าฯ กล่าวว่า ช่วงที่ตนรักษาการ ผอ.องค์การค้าฯ เป็นเวลา 18 เดือน เป็นช่วงที่องค์การค้าฯ วิกฤต ซึ่งตนไม่เคยปฏิเสธหนี้สินขององค์การค้าฯที่มีมาก่อน เพื่อให้งานเดินหน้าต่อไปได้ และมีเงินเดือนจ่ายพนักงาน ทั้งนี้ตนได้วางแผนเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่าย รวมถึงมีการวางแนวทางในการฟื้นฟูองค์การค้าฯ เป็นระยะจนถึงเดือน เม.ย. 2554 ซึ่งในช่วงที่ตนบริหารองค์การค้าฯ ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และการใช้หนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อมีการเปลี่ยนผู้บริหารและเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการ ทำให้นโยบายและแนวทางการทำงานไม่ได้สานต่อตามแผนงานที่วางไว้ ก็อาจมีผลกระทบต่อระบบการบริหารได้ เพราะตนได้วางมือไปตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.2553 แล้ว ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ก็เข้ามาในวันที่ 19 ส.ค.2553 ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาจะมีอ้างว่าเป็นหนี้ที่เกิดในสมัยตนคงไม่ได้
“เรื่องการพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2554 ที่เอกชนระบุว่าจะไม่ทันเปิดเทอมอย่างแน่นอนหากยังม่มีการจ่ายเงินที่ค้างอยู่ให้ครบนั้น เรื่องนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของผม เพราะสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รับผิดชอบเรื่องต้นฉบับ ซึ่งก็ทำเต็มที่และได้ส่งต้นฉบับให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องกระบวนการผลิตเป็นหน้าที่ขององค์การค้าฯที่ต้องรับไม้ต่อจาก สพฐ.จะไปควบคุมไม่ได้” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกลุ่มโรงพิมพ์เอกชน 29 แห่ง รวมตัวกันเข้าร้องเรียนต่อนายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เพื่อขอให้องค์การค้าของ สกสค.จ่ายเงินค่าจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2553 จำนวนเงิน 326 ล้านบาท โดยตัวแทนโรงพิมพ์เอกชน กล่าวว่า องค์การค้าฯ ได้ทำสัญญาว่าจ้างให้พิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2553 จำนวน 15 ล้านเล่ม เป็นเงินกว่า 400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 งวด ซึ่งงวดแรกได้จ่ายมาแล้ว 100 ล้านบาท ยังเหลือค้างอีก 2 งวด เป็นเงิน 326 ล้านบาท ตั้งแต่เดือน ก.ย.2553 ซึ่งทำให้โรงพิมพ์ทุกแห่งได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากไม่มีเงินทุนที่จะเสนอราคารับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนประจำปีการศึกษา 2554 ได้ ซึ่งนายเกษมก็รับปากที่จะดูแลเรื่องนี้ให้ อย่างไรก็ตามพวกตนเคยขอนัดพบนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ มาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้พบ จึงทำให้ยังไม่ได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับเงินที่ยังค้างจ่ายอยู่ดังกล่าว
“สำหรับการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2554 องค์การค้าฯได้โควตาพิมพ์หนังสือแบบเรียนจากกระทรวงศึกษาธิการจำนวน 40 ล้านเล่ม โดยองค์การค้าฯจะพิมพ์เอง 20 ล้านเล่ม ส่วนที่เหลือจะจ้างโรงพิมพ์จากภายนอก แต่ขณะนี้ทราบว่ามีผู้ประมูลงานจากองค์การค้าฯได้เพียง 1 ราย จำนวน 1.52 ล้านเล่ม เพราะองค์การค้าฯได้มีการปรับคุณสมบัติ หรือสเปกของผู้เสนอราคารับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนสูงขึ้น จนทำให้หลายโรงพิมพ์ไม่สามารถเข้าสเปกได้ ขณะที่พวกเราทั้ง 29 โรงพิมพ์ก็ไม่มีเงินทุนที่จะเข้าร่วมเสนอราคาได้ ดังนั้น ยืนยันเลยว่า หากพวกเราไม่ร่วมพิมพ์หนังสือแบบเรียนให้กำลังการผลิตขององค์การค้าฯ และโรงพิมพ์ที่ประมูลงานได้จะไม่สามารถพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2554 ได้ทันก่อนเปิดภาคเรียนแน่นอน” ผู้แทนโรงพิมพ์เอกชน กล่าว
ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) อดีตรักษาการ ผอ.องค์การค้าฯ กล่าวว่า ช่วงที่ตนรักษาการ ผอ.องค์การค้าฯ เป็นเวลา 18 เดือน เป็นช่วงที่องค์การค้าฯ วิกฤต ซึ่งตนไม่เคยปฏิเสธหนี้สินขององค์การค้าฯที่มีมาก่อน เพื่อให้งานเดินหน้าต่อไปได้ และมีเงินเดือนจ่ายพนักงาน ทั้งนี้ตนได้วางแผนเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่าย รวมถึงมีการวางแนวทางในการฟื้นฟูองค์การค้าฯ เป็นระยะจนถึงเดือน เม.ย. 2554 ซึ่งในช่วงที่ตนบริหารองค์การค้าฯ ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และการใช้หนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อมีการเปลี่ยนผู้บริหารและเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการ ทำให้นโยบายและแนวทางการทำงานไม่ได้สานต่อตามแผนงานที่วางไว้ ก็อาจมีผลกระทบต่อระบบการบริหารได้ เพราะตนได้วางมือไปตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.2553 แล้ว ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ก็เข้ามาในวันที่ 19 ส.ค.2553 ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาจะมีอ้างว่าเป็นหนี้ที่เกิดในสมัยตนคงไม่ได้
“เรื่องการพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2554 ที่เอกชนระบุว่าจะไม่ทันเปิดเทอมอย่างแน่นอนหากยังม่มีการจ่ายเงินที่ค้างอยู่ให้ครบนั้น เรื่องนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของผม เพราะสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รับผิดชอบเรื่องต้นฉบับ ซึ่งก็ทำเต็มที่และได้ส่งต้นฉบับให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องกระบวนการผลิตเป็นหน้าที่ขององค์การค้าฯที่ต้องรับไม้ต่อจาก สพฐ.จะไปควบคุมไม่ได้” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว