ม็อบลูกจ้างกว่า 100 คน ร้อง ก.แรงงาน เหตุนายจ้างเบี้ยวจ่ายเงินชดเชย หลังตรวจพบโรงงานเป็นหนี้กว่า 300 ล้านบาท วอนใช้กฎหมายสั่งปิดกิจการและจ่ายเงินชดเชย
วันที่ 6 มกราคม ที่กระทรวงแรงงาน คนงานจากบริษัท อริยะการทอ จำกัด จังหวัดปทุมธานี จำนวนประมาณ 165 คน ได้ปั่นจักรยานมายังกระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อกระทรวง ให้ช่วยเหลือแรงงานที่กำลังเดือดร้อน โดยขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งปิดกิจการโรงงานดังกล่าว และจ่ายเงินชดเชยให้กับแรงงานทั้งหมด
นางซารี ดอระวงษ์ ประธานสหภาพแรงงาน บริษัท อริยะการทอ จำกัด กล่าวว่า พนักงานได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากบริษัทจ่ายค่าแรงไม่ตรงเวลามาตั้งแต่ปี 2549 โดยนายจ้างอ้างว่าขาดสภาพคล่องทางการเงิน นอกจากนี้ตัวโรงงานเองก็ยังถูกกระทรวงอุตสาหกรรมสั่งปิด เนื่องจากไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย รวมถึงสีย้อมผ้าก็ไม่ได้มาตรฐาน โดยนายจ้างใช้เป็นข้ออ้างในการจ่ายเงินไม่ตรงเวลา
ทั้งนี้ เงินเดือนของพวกตนอยู่ที่เดือนละประมาณ 6,000 บาท แต่นายจ้างกลับค่อยๆ ทยอยจ่ายทีละ 500 บาท หรือ 1,000 บาท ทำให้ลูกจ้างในโรงงานไม่พอใจ จนลาออกไปมากกว่า 600 คนแล้ว เหลือเพียง 200 คน ที่ยังคงทำงานอยู่ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา นายจ้างได้เรียกพวกตนไปคุย พร้อมกับบอกกับคนงานว่า จะไม่เลิกกิจการ และจะไม่จ่ายเงินชดเชยให้กับคนงาน เนื่องจากไม่มีเงินทุนอีกต่อไป
นางซารี กล่าวต่ออีกว่า ที่มาเรียกร้องในวันนี้ก็เพื่อให้กระทรวงแรงงาน สั่งให้นายจ้างปิดโรงงาน และจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้าหากมีการเลิกจ้างในทันที รวมถึงจ่ายเงินชดเชยให้กับคนงานตามที่กฎหมายกำหนด เพราะที่ผ่านมาได้เรียกร้องไปทางสำนักงานประกันสังคม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานแรงงานจังหวัดแล้ว แต่ก็ยังนิ่งเฉยอยู่ จึงหวังว่าทางกระทรวงแรงงานจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับลูกจ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. นายธานินทร์ ใจสมุทร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายสมชาย วงษ์ทอง รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้เดินทางมารับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มสหภาพฯ และร่วมกันเจรจาเพื่อหาทางออก โดยนายสมชาย กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ทางกระทรวงจะส่งพนักงานตรวจแรงงานลงไปสืบสวนข้อเท็จจริง และเจรจาร่วมกับนายจ้างในวันที่ 7 ม.ค.เพื่อหาข้อยุติ
อย่างไรก็ตาม หากกรมสวัสดิการเห็นว่านายจ้างควรปิดกิจการ ก็จะออกหนังสือคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานภายใน 30 วัน ให้กับลูกจ้าง คิดเป็นมูลค่ากว่า 12 ล้านบาท หากนายจ้างไม่จ่ายก็จะมีการยึดทรัพย์ และหากไม่มีทรัพย์ให้ยึดก็จะมีการนำเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมาจ่ายค่าชดเชย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกจ้างประมาณ 4 ล้านบาท
วันที่ 6 มกราคม ที่กระทรวงแรงงาน คนงานจากบริษัท อริยะการทอ จำกัด จังหวัดปทุมธานี จำนวนประมาณ 165 คน ได้ปั่นจักรยานมายังกระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อกระทรวง ให้ช่วยเหลือแรงงานที่กำลังเดือดร้อน โดยขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งปิดกิจการโรงงานดังกล่าว และจ่ายเงินชดเชยให้กับแรงงานทั้งหมด
นางซารี ดอระวงษ์ ประธานสหภาพแรงงาน บริษัท อริยะการทอ จำกัด กล่าวว่า พนักงานได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากบริษัทจ่ายค่าแรงไม่ตรงเวลามาตั้งแต่ปี 2549 โดยนายจ้างอ้างว่าขาดสภาพคล่องทางการเงิน นอกจากนี้ตัวโรงงานเองก็ยังถูกกระทรวงอุตสาหกรรมสั่งปิด เนื่องจากไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย รวมถึงสีย้อมผ้าก็ไม่ได้มาตรฐาน โดยนายจ้างใช้เป็นข้ออ้างในการจ่ายเงินไม่ตรงเวลา
ทั้งนี้ เงินเดือนของพวกตนอยู่ที่เดือนละประมาณ 6,000 บาท แต่นายจ้างกลับค่อยๆ ทยอยจ่ายทีละ 500 บาท หรือ 1,000 บาท ทำให้ลูกจ้างในโรงงานไม่พอใจ จนลาออกไปมากกว่า 600 คนแล้ว เหลือเพียง 200 คน ที่ยังคงทำงานอยู่ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา นายจ้างได้เรียกพวกตนไปคุย พร้อมกับบอกกับคนงานว่า จะไม่เลิกกิจการ และจะไม่จ่ายเงินชดเชยให้กับคนงาน เนื่องจากไม่มีเงินทุนอีกต่อไป
นางซารี กล่าวต่ออีกว่า ที่มาเรียกร้องในวันนี้ก็เพื่อให้กระทรวงแรงงาน สั่งให้นายจ้างปิดโรงงาน และจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้าหากมีการเลิกจ้างในทันที รวมถึงจ่ายเงินชดเชยให้กับคนงานตามที่กฎหมายกำหนด เพราะที่ผ่านมาได้เรียกร้องไปทางสำนักงานประกันสังคม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานแรงงานจังหวัดแล้ว แต่ก็ยังนิ่งเฉยอยู่ จึงหวังว่าทางกระทรวงแรงงานจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับลูกจ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. นายธานินทร์ ใจสมุทร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายสมชาย วงษ์ทอง รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้เดินทางมารับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มสหภาพฯ และร่วมกันเจรจาเพื่อหาทางออก โดยนายสมชาย กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ทางกระทรวงจะส่งพนักงานตรวจแรงงานลงไปสืบสวนข้อเท็จจริง และเจรจาร่วมกับนายจ้างในวันที่ 7 ม.ค.เพื่อหาข้อยุติ
อย่างไรก็ตาม หากกรมสวัสดิการเห็นว่านายจ้างควรปิดกิจการ ก็จะออกหนังสือคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานภายใน 30 วัน ให้กับลูกจ้าง คิดเป็นมูลค่ากว่า 12 ล้านบาท หากนายจ้างไม่จ่ายก็จะมีการยึดทรัพย์ และหากไม่มีทรัพย์ให้ยึดก็จะมีการนำเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมาจ่ายค่าชดเชย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกจ้างประมาณ 4 ล้านบาท
